เราทุกคนล้วนอยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต
สิ่งหนึ่งที่เราต้องรู้และเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้นคือ การมีทัศนคติแห่งความสำเร็จ
ล่าสุดผมเพิ่งได้อ่านหนังสือที่ชื่อว่า “Focal Point” เขียนโดยไบรอัน เทรซี่ (Brian Tracy)
เขาคือหนึ่งในนักเขียนหนังสือพัฒนาตัวเองและความสำเร็จอันดับต้น ๆ ของโลกที่มีผลงานโด่งดังเช่น กินกบตัวนั้นซะ!
ในหนังสือเขาได้แบ่งปันทัศนคติ 7 ประการ ที่ถ้าเราฝึกฝนทุก ๆ วัน จะช่วยให้เรากลายเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มั่นใจ และคิดบวกมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจะนำให้เราไปสู่ความสำเร็จที่ต้องการได้มากขึ้น เร็วขึ้น และง่ายยิ่งขึ้น
และในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้ทั้ง 7 ทัศนคติเหล่านี้กันครับ
7 ทัศนคติเร่งความสำเร็จให้มากขึ้น เร็วขึ้น และง่ายขึ้น จาก Brian Tracy
คิดถึงอนาคต

ทัศนคติแรกและสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากตัวเอง และสามารถลงมือฝึกฝนได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย
มันคือทัศนคติการเน้นคิดถึงเรื่องอนาคต
การคิดเน้นอนาคตคือ คุณสมบัติเด่นประการหนึ่งในตัวของคนที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะคนที่ต้องการจะเป็นผู้นำหรือต้องมีความรับผิดชอบสำคัญในหน้าที่การงาน สังคม และในชีวิตส่วนตัว
ในหนังสือ ไบรอัน เทรซี่เล่าถึงความน่าเสียดายว่า อาจมีคนไม่ถึง 10% ในสังคมด้วยซ้ำที่เป็นคนชอบคิดมุ่งไปอนาคตอย่างแท้จริง กลับกันกับคนอีก 90% ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่มักสนใจ ให้ความสำคัญกับปัจจุบันหรือพึงพอใจในวันนี้เป็นหลัก หรือไม่ก็พวกเขาก็คอยคิดแต่เรื่องอดีตที่เคยผ่านมา
แต่คนที่เน้นคิดถึงอนาคตนั้นจะคิดถึงอนาคตเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาจะคิดถึงจุดหมายที่กำลังจะมุ่งไป พวกเขาคิดถึงสิ่งที่อาจเป็นไปได้ในหลาย ๆ เดือน หลาย ๆ ปีข้างหน้าแทนอดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว
และที่สำคัญ “พวกเขาคิดอยู่ตลอดเวลา”
ด้วยการคิดอยู่ตลอดเวลานี้เอง ทำให้พวกเขามีแรงบันดาลใจ มีแรงผลักดันที่จะลงมือทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้สิ่งที่เขาคิด ให้เกิดขึ้น
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า เราเป็นพวกมุ่งเน้นอนาคตหรือไม่?
คำตอบง่าย ๆ ครับ ให้ถามตัวเองว่า “ชีวิตที่สมบูรณ์แบบในอีก 5 ปีข้างหน้า มีหน้าตาอย่างไร?”
ถ้าเราตอบได้ แสดงว่าเราถูกจัดอยู่ในกลุ่มมุ่งเน้นอนาคตแล้ว แต่ถ้ายัง โอกาสดีเลยครับ ถึงเวลาที่ต้องตอบคำถามนี้ให้กับตัวเองแล้วครับ
เพราะคนที่มุ่งเน้นอนาคตจะสามารถตอบคำถามนี้ได้ในทันที ภาพอนาคตในหัวของพวกเขาจะชัดเจนมาก
คนเหล่านี้จะรู้ดีว่าพวกเขาต้องการอะไรในชีวิต ทำไมต้องการสิ่งเหล่านั้น และจะมุ่งหน้าไปสู่อนาคตนั้นได้ยังไง
แล้วทำไมการคิดถึงอนาคตถึงสำคัญ?
มันสำคัญมากต่อความสำเร็จ ไบรอัน เทรซี่ได้เขียนไว้ว่า “ความชัดเจนมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวงต่อความสำเร็จ”
คนที่ประสบความสำเร็จล้วนมีความชัดเจนในชีวิต และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ แต่คนส่วนใหญ่อีก 90% ไม่ประสบความสำเร็จ
ดั่งประโยคทองของปีเตอร์ ดรักเกอร์ ปรมาจารย์ด้านธุรกิจที่ได้กล่าวไว้ว่า “เรามักจะคาดคะเนสิ่งที่เราสามารถทำได้ใน 1 ปีสูงเกินไปเสมอ แต่กลับคาดคะเนต่ำเกินไปอย่างมากสำหรับความเป็นไปได้ในระยะอีก 5 ปีของเรา”
เราล่ะครับ ตอนนี้มีความชัดเจนกับอนาคตของตัวเองในอีก 5 ปีแล้วหรือยัง?
เราอยากเป็นใคร ต้องการอะไรในชีวิต และกำลังจะมุ่งหน้าไปทิศทางไหน?
มีแต่เราเท่านั้นที่จะให้คำตอบนี้แก่ตัวเองได้
คิดถึงเป้าหมาย
ทัศนคติที่ 2 ของคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงนั้นคือ การเน้นคิดถึงเป้าหมาย
ในหัวของคนที่ประสบความสำเร็จจะคิดถึงแต่เป้าหมายและวิธีการที่จะบรรลุมันเป็นส่วนใหญ่ (แทบจะตลอดเวลา)
แต่กลับกันคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ มักจะคิดถึงแต่ปัญหาเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาจะใช้เวลาในการวิจารณ์ บ่น และหาข้อแก้ตัว ซึ่งเป็นอะไรที่เสียเวลา ไม่เกิดประโยชน์เลย
การเน้นเป้าหมายคือ การที่เราเอาภาพในอนาคตที่ลอยอยู่ในหัวมาเปลี่ยนเป็นสิ่งที่จับต้องได้
ในหนังสือเล่าว่า มีเพียงกลุ่มคนเพียง 3% เท่านั้นที่เขียนเป้าหมายของตัวเองออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร และอีก 97% มีแต่ความปรารถนา ความหวัง และความฝัน แต่ไม่เขียนมันลงกระดาษให้ชัดเจน
“คนที่ไม่มีเป้าหมายก็จะต้องทนทรมานกับการทำงานเพื่อคนที่มีเป้าหมายเสมอ”
เคล็ดลับในการตั้งเป้าหมายที่ไบรอัน เทรซี่เน้นย้ำมาตลอดคือ การคิดบนกระดาษ
นี่คือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ มันเริ่มต้นตั้งแต่การนั่งลงแล้วคิด โดยมีปากกาอยู่ในมือ
ทำไมเขาถึงเน้นย้ำเรื่องการเขียนลงกระดาษนัก เพราะเวลาที่เราเขียนอะไรลงไป สิ่งที่เราเขียน จะสร้างความชัดเจนให้แก่ตัวเรา มันจะกลายเป็นสิ่งที่รู้สึกสัมผัส จับต้องได้และแจ่มชัด ซึ่งจะนำไปสู่แผนการที่จะลงมือทำได้
ทุ่มเทเพื่อความเป็นเลิศ

ทัศนคติที่ 3 สำหรับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่คือ การเน้นความเป็นเลิศ
โดยธรรมชาติแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จล้วนย่อมจะเก่งในสิ่งที่พวกเขาทำ ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จคนไหนไม่เก่งในสิ่งที่ตัวเองทำ
เราก็เช่นกัน ถ้าอยากประสบความสำเร็จ เราก็ต้องเก่งในงานที่ทำ สิ่งที่ทำ ธุรกิจที่ทำอยู่ ซึ่งเราจะเก่งได้ก็ด้วยการอุทิศตัวเพื่อความเป็นเลิศในสิ่งเหล่านั้น
ในหนังสือไบรอัน เทรซี่เล่าว่า ช่วงเขาอายุ 28 ปี เขาค้นพบบางอย่างซึ่งเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล เขาบอกว่ามันก็จะเปลี่ยนชีวิตของพวกเราเช่นกัน สิ่งที่เขาค้นพบก็คือ “ผมได้เรียนรู้ว่า ทุก ๆ คนในระดับชั้นนำ 10% ของสาขาวงการตัวเอง ล้วนแล้วแต่เริ่มต้นจากที่ใดที่หนึ่งทั้งสิ้น”
เขาหมายความว่า ทุกคนที่ประสบความสำเร็จ ล้วนแต่เริ่มต้นจากก้าวแรกกันทั้งนั้น
เขาแนะนำถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ “ขอให้ตั้งใจตั้งแต่วันนี้ ที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน 10% ชั้นนำในสาขาวงการของตัวเอง” และไม่ว่าจะต้องทุ่มเทเสียสละ และใช้เวลามากแค่ไหน เราก็ต้องทำ
ทำไมเขาถึงเน้นเรื่องความเป็นเลิศในสิ่งที่ทำ เพราะว่าถ้าเก่งในสิ่งที่เราทำ ชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เช่น เราจะนับถือตัวเองมากขึ้น เห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น และมีความภาคภูมิใจในตัวเอง ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมในด้านต่าง ๆ ทุกด้านของชีวิต
และที่สำคัญเราจะรู้สึกดีกับตัวเอง และคนรอบข้างก็จะรู้สึกดีกับเราด้วย
สุดท้ายเขาอยากให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า “อะไรคือทักษะเพียงทักษะเดียว ที่ถ้าเราพัฒนาแล้ว จะช่วยในงานที่เราทำอยู่ได้มากที่สุด”
หลังจากนั้น เขียนมันลง ทำให้มันเป็นเป้าหมาย วางแผน แล้วมุ่งมั่นทำมันในทุก ๆ วัน ทุก ๆ อาทิตย์ และทุก ๆ เดือน นับจากวันนี้
เพื่อความเป็นเลิศ และเพื่อตัวเราในอนาคตที่ดีกว่า
เน้นผลลัพธ์
ทัศนคติที่ 4 ที่ต้องพัฒนาเพื่อความสำเร็จคือ การเน้นที่ผลลัพธ์
คนที่ประสบความสำเร็จล้วนจะคิดถึงผลลัพธ์เป็นหลัก
เพราะผลลัพธ์คือทุกสิ่ง คือผลประจักษ์ที่ผู้คนจะเชื่อมั่นในตัวเรา
ซึ่งการที่จะได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด คุ้มค่าที่สุดนั้น เราจะต้องคอยวางแผน และกำหนดลำดับความสำคัญของงานที่สำคัญที่สุดของตัวเองอยู่เสมอ
โดยเราสามารถฝึกฝนการคิดแบบเน้นผลลัพธ์ได้ง่าย ๆ 4 ขั้นตอน ตามสูตรของไบรอัน เทรซี่
- ไม่ว่าจะลงมือทำอะไรก็ตาม ให้เขียนรายการสิ่งที่ต้องทำทั้งหมดก่อนเสมอ
- จัดลำดับความสำคัญและคุณค่าของรายการสิ่งที่ต้องทำเหล่านั้น
- เลือกสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่สามารถทำได้
- จดจ่ออยู่กับงานที่สำคัญที่สุดที่เลือกไว้จนกว่าจะเสร็จ
เน้นทางออก

“ความสามารถในการแก้ปัญหาคือตัวกำหนดความสำเร็จ และรายได้ของคุณเป็นส่วนใหญ่” ไบรอัน เทรซี่เน้นย้ำประโยคนี้อยู่เสมอ ในหนังสือหลาย ๆ เล่มของเขา
เขาเชื่อว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องมีความสามารถในการแก้ปัญหา ต้องเป็นนักแก้ปัญหา ซึ่งวิธีที่จะแก้ปัญหาได้ดีที่สุดคือ การเน้นทางออก
ทางออก หมายถึงการที่เราใช้เวลาส่วนใหญ่คิดถึงทางออกของปัญหามากกว่าที่จะคิดถึงแต่ตัวปัญหา
เมื่อเผชิญกับปัญหา แทนที่จะคิดว่า เกิดอะไรขึ้น และใครเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบ ให้เราคิดว่า เราจะสามารถทำอะไรกับปัญหานี้ได้บ้าง และปัญหานี้จะแก้ไขได้ยังไง
ซึ่งการมองปัญหานี่เอง คือสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ
คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมักจะคิดและพูดถึงแต่ปัญหาของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งยิ่งเขาคิดและพูดถึงปัญหาของตัวเองมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งคิดแง่ลบและรู้สึกขุ่นเคืองมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าเขายิ่งคิดและพูดถึงทางออก เขาก็จะยิ่งมีความคิดแง่บวกและสร้างสรรค์มากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น เวลาเผชิญปัญหา ขอให้ระลึกเสมอว่า “คิดถึงวิธีแก้ปัญหา ไม่ใช่คิดถึงตัวปัญหา”
อุทิศตัวให้กับการเรียนรู้ตลอดชีวิต
อย่างที่ไบรอัน เทรซี่เขียนไว้ว่า “ข้อเท็จนี้มีอยู่ว่าชีวิตของคุณจะดีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อตัวคุณดีขึ้นเท่านั้น”
ซึ่งตัวเราจะดีขึ้นได้ก็ด้วยการพัฒนาเติบโต
คนที่เน้นการเติบโตจะอุทิศเวลา และแรงให้กับตัวเอง และอนาคต
พวกเขาเป็นเสมือนฟองน้ำ ที่จะคอยดูดซับทุกอย่างรอบตัว กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ค้นหาวิธีการ กลยุทธ์ใหม่ ๆ และแนวคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ
เพราะพวกเขารู้ดีว่า “อนาคตจะเป็นของคนที่มีความสามารถ”
อนาคตย่อมเป็นของคนที่เก่งมาก ๆ ในสิ่งที่พวกเขาทำ และเป็นคนที่เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วันด้วย
ไบรอัน เทรซี่เชื่ออย่างยิ่งว่า “ตัวเราคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของตัวเราเอง” และความสามารถของเราในการคิด การทำนั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพและปริมาณความรู้ และแนวคิดที่เรารับเข้าไป
เขาจึงคอยแนะนำอยู่เสมอว่า เราต้องคอยป้อนอาหารความคิดให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่บนรถ ระหว่างเดินทาง ระหว่างออกกำลังกายหรือเวลาว่าง ป้อนด้วยวิธีการอ่านหนังสือดี ๆ ฟังสิ่งที่ดี ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
อย่างที่ไบรอัน เทรซี่บอก ถ้าเราต้องการมีรายได้ที่มากขึ้น มีความสำเร็จที่มากขึ้น เราต้องเรียนรู้ให้มากขึ้นด้วย ต้องหมั่นคอยเติมคุณค่า พัฒนาความสามารถตัวเองเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ให้กับตัวเองและกับสิ่งที่ทำ
ลงมือทำเดี๋ยวนี้

ทัศนคติของคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในทุก ๆ สาขาคือ พวกเขามุ่งเน้นการกระทำ พวกเขาเก่งเรื่องการลงมือทำทันที
ไบรอัน เทรซี่แนะนำว่า ขอให้เราตั้งใจตั้งแต่วันนี้ ที่จะพัฒนาความรู้สึกแห่งความเร่งด่วน
ด้วยการขยับตัวให้เร็วขึ้น คอยเร่งศักยภาพของตัวเองตลอดเวลา และอย่าหยุดอยู่กับที่
ยิ่งเราเคลื่อนตัวลงมือทำมากเท่าไร เราก็ยิ่งมีประสบการณ์มากขึ้น และยิ่งมีประสบการณ์มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเรียนรู้ได้เร็วขึ้นเท่านั้น นั่นหมายความว่า เราก็จะเก่งขึ้น
และเมื่อเราเก่งขึ้น เราก็จะมีรายได้และประสบความสำเร็จที่สูงขึ้นตามไปด้วย
จงทำอะไรให้เร็วขึ้น ลงมือทำในทันที แล้วชีวิตในทุก ๆ ด้านของเราจะดีขึ้น
บทสรุป
ไม่ว่าเป้าหมายของเราคืออะไร ทั้ง 7 ทัศนคติเหล่านี้จะเป็นเหมือนคันเร่งที่จะช่วยให้เราไปสู่เป้าหมายเหล่านั้นได้เร็วยิ่งขึ้น
นี่คือสิ่งที่ตกผลึกจาก ไบรอัน เทรซี่ (Brian Tracy) ผู้ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับความสำเร็จและการพัฒนาตัวเองมากกว่า 80 เล่ม
หวังว่าผู้อ่านทุกคนจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้นะครับ
และอย่าลืมทัศนคติที่ 7 “ลงมือทำเดี๋ยวนี้”
แล้วพบกันที่ปลายทางของความสำเร็จครับ! 💪
Leave a Comment