การอ่านหนังสือมีความสำคัญต่อทุกการเติบโต ทุกความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต
อย่าประมาทการอ่านหนังสือเชียวนะครับ
ตั้งแต่มนุษย์เราเริ่มมีอารยธรรม เราเติบโตและพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ขึ้นจากองค์ความรู้ที่ส่งต่อกันมา และเราพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีหนังสือเกิดขึ้น แต่เบื้องลึกของหนังสือให้อะไรมากกว่าที่เราคิด
ต่อไปนี้จะเป็น 10 ประโยชน์ที่จะได้รับการจากการอ่านหนังสือ 📚
หากใครที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ การรับรู้ถึงประโยชน์ จะสร้างแรงบันดาลใจให้เรา อยากลุกขึ้นมาอ่านหนังสือ และใครที่ชอบอ่านอยู่แล้ว บทความนี้จะช่วยยืนยันว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น เป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตของเรา และเป็นแรงบันดาลใจให้ยังคงนิสัยการอ่านหนังสือต่อไป
“ไม่มีเพื่อนที่ไหนจะภักดีได้เท่าหนังสือ” – Ernest Hemingway
10 ประโยชน์ที่ได้รับจากการอ่านหนังสือ
ได้รับความรู้อันลึกซึ้ง
ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดประการหนึ่งของการอ่านหนังสือทุกวันคือการเรียนรู้
การอ่านหนังสือจะมอบความรู้เชิงลึกที่ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง ตกผลึกมาอย่างดี ซึ่งจะไม่เหมือนกับการดูวิดีโอบน YouTube หรือพอดแคสต์ ดังนั้น หากต้องการเข้าถึงความรู้อันลึกซึ้ง ให้เริ่มเรียนรู้จากการอ่านหนังสือ
เช่น วีดีโอ YouTube 10 นาที โดยคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ แค่สนใจอยากนำเสนอหัวข้อนั้น ๆ แต่หนังสือของคนที่ศึกษาด้านการเงินมาโดยเฉพาะมากกว่า 20 ปี แล้วกลั่นกรองข้อมูล ตกผลึกออกมาโดยใช้เวลาเขียน 5 ปี คิดว่าข้อมูลไหนลึกซึ้งมากกว่า และคิดว่าแบบไหนจะช่วยเปลี่ยนชีวิตเราได้มากกว่ากัน?
แน่นอน ต้องหนังสืออย่างแน่นอน
นี่คือสิ่งที่หนังสือจะมอบให้เราได้
การซึมซับข้อมูลที่ลึกซึ้งกว่าความรู้ทั่วไปในอินเทอร์เน็ตมีความสำคัญต่อความสำเร็จ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ Roald Dahl นักเขียนชื่อดังที่สุดคนหนึ่งในโลกพูดไว้ว่า “ไม่ว่าในชีวิตคุณจะมีเป้าหมายอะไรก็ตามคุณต้องอ่านหนังสือให้มากเข้าไว้”

เราสามารถเรียนรู้อะไรก็ได้จากหนังสืออย่างแท้จริง ครั้งหนึ่ง เมื่อ Elon Musk ผู้ก่อตั้ง SpaceX และ CEO Tesla ถูกถามว่า เขาเรียนรู้ที่จะสร้างจรวดได้ยังไง? เขาตอบว่า “ผมอ่านหนังสือ”
แล้วตอนนี้เราอยากเรียนรู้เรื่องอะไร?
บางทีเราอาจต้องการเรียนรู้การลงทุน การเงิน วิธีรักษาความสัมพันธ์ วิธีการเขียนโค้ด ระบายสี หรือเริ่มต้นธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ บางทีอาจต้องการเรียนรู้วิธีหยุดผัดวันประกันพรุ่ง? หรือบางทีอยากหาวิธีเปลี่ยนแปลงชีวิต เปลี่ยนนิสัยแย่ ๆ ?
ทุกอย่างมีคำตอบในหนังสือ
การอ่านหนังสือสามารถช่วยได้ทั้งหมด
และที่สำคัญ ความรู้จากหนังสือที่เราได้รับนั้น ไม่มีใครสามารถพรากมันไปจากเราได้ ความรู้จะอยู่กับเราไปจนแก่เฒ่าและส่งต่อให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานได้
มองโลกกว้างขึ้น
หนังสือช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองที่ต่างไปจากเดิม
การอ่านหนังสือเกี่ยววัฒนธรรม ความเชื่อสามารถช่วยให้เราเข้าใจว่าผู้คนต่างพื้นที่มีความแตกต่างจากเรายังไง ถึงแม้บางครั้งเราอาจจะไม่เห็นด้วย แต่มันก็ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในมุมที่แตกต่างออกไป
หนังสือมอบไอเดีย ความคิดใหม่ ๆ แก่เรา เราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาเมื่ออ่านหนังสือ เราจะมองโลกที่กว้างมากขึ้น เชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ได้หลากหลายและแปลกใหม่ได้ ซึ่งมันให้เรามีชีวิตและความคิดไม่จำเจหรือมองโลกแค่ในมิติแคบ ๆ ทำให้เรายึดติดในความเชื่อ ความคิด ความรู้ตนเองน้อยลง และมองเห็นความเป็นมนุษย์ที่มากขึ้น
หนังสือสามารถเป็นสื่อกลางที่ส่งต่อความคิด ความเชื่อจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งได้ นี่คือความมหัศจรรย์ของหนังสื
ออกกำลังกายสมอง

ทำไมการอ่านจึงสำคัญนัก? อย่างที่โจเซฟ แอดดิสัน นักเขียนชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 17 เคยเขียนไว้ว่า “การออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อร่างกาย เหมือนกัน การอ่านหนังสือคือการออกกำลังกายที่ให้ประโยชน์ต่อจิตใจ”
มีงานวิจัยยืนยันว่าการอ่านช่วยกระตุ้นเครือข่ายเส้นประสาทในสมอง เมื่อเราเพิ่มพูนความสามารถในการอ่าน เครือข่ายเส้นประสาทในสมองก็จะแข็งแกร่งและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
และในอีกการศึกษา นักวิจัยพยายามค้นหาว่าการอ่านนวนิยายส่งผลต่อสมองของคนเรายังไง พบว่า ผู้เข้าร่วมการศึกษา เมื่อเกิดความเครียด พื้นที่ในสมองกลับทำงานมากขึ้น และเมื่อสแกนสมอง พบว่าการเชื่อมโยงของเส้นประสาทในสมองเพิ่มขึ้นในขณะที่อ่านและยังยาวต่อเนื่องหลังจากอ่านอีกหลายวัน
นี่คือหนึ่งในประโยชน์มหาศาลของการอ่านหนังสือ มันคือ การทำให้สมองได้ออกกำลังกาย เชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ในหัว ทำให้สมองแข็งแรงมากขึ้น
และที่สำคัญ สมองของเรามีธรรมชาติคัดกรองข้อมูลคือ “ถ้าใช้บ่อย ๆ จะเก็บไว้ แต่ถ้าไม่ใช้ จะลบทิ้ง” หมายความว่าถ้าสิ่งไหนเราไม่ใช้ สมองจะมองว่ามันไม่สำคัญ และจะลดบทบาทของมัน ที่เห็นภาพชัด ๆ เช่น ทำไมเรายิ่งไม่อยากจำ แต่กลับจำ ก็เพราะเราให้ความสนใจ คิดถึงมันบ่อย ๆ จนสมองเข้าใจว่าข้อมูลนี้สำคัญ ต้องเก็บไว้ หรือเช่นเดียวกับกล้ามเนื้อ ถ้าเราไม่ใช้มัน มันก็จะสลายไป
เช่นกัน ถ้าเราไม่ออกกำลังกายสมองเป็นประจำ ความสามารถทางสติปัญญาของเราก็จะลดลง
การอ่านหนังสือทุก ๆ วันอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยทำให้สมองนั้นแข็งแรงและสุขภาพดีได้
พัฒนาความจำ
เรามักจะลืมสิ่งต่าง ๆ อยู่หรือเปล่า? ถ้ามีรายการสิ่งที่ต้องทำมากมาย แต่เรากลับจำไม่ได้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง
การอ่านหนังสือช่วยได้ครับ
ข้อดีอย่างหนึ่งของการอ่านหนังสือคือ สามารถพัฒนาการจดจำของเราได้ เพราะเมื่อระหว่างการอ่านหนังสือ เราจะเจอข้อมูลต่าง ๆ จากหนังสือแล้วสมองของเราจะพยายามดึงข้อมูลเดิม ๆ ขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลในหนังสือ
เช่น เวลาที่เราอ่านนิยายสักเล่ม เราต้องใช้ความจำข้อมูลมากมายเกี่ยวกับโครงเรื่อง ตัวละคร ความสัมพันธ์ของตัวละคร และเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะสร้างข้อมูลความทรงจำใหม่ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับความจำเดิม
การอ่านทุกวันสามารถพัฒนาความจำ สามารถช่วยให้เราเรียนรู้วิธีจัดเก็บข้อมูลใหม่และจดจำความทรงจำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพิ่มความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

อีกหนึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากการอ่านหนังสือคือ มันเพิ่มความสามารถในการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Empathy)
Empathy คือ ความสามารถในการเข้าใจ รับรู้ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ของคนอื่น อาทิเช่น ระหว่างพูดคุยกับคนอื่น เราสามารถรับฟัง รับรู้ความรู้สึก และเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกยังไงอยู่ หรือเมื่อเห็นคนอื่นทุกข์ใจ เราจะเกิดความรู้สึกทุกข์ใจร่วม แล้วอยากจะช่วยเหลือเขาให้หายทุกข์ใจนั้น
ซึ่งประโยชน์ของการมีความเห็น เห็นใจผู้อื่น จะช่วยลดความเครียด เพิ่มความสัมพันธ์ที่ดี
ย้อนกลับมาเรื่องการอ่าน มีงานวิจัยพบว่าคนที่อ่านหนังสือนิยาย ในระยะยาวพวกเขามีแนวโน้มที่มีความเห็นอก เห็นใจ และความสามารถในการเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น
และอีกการศึกษาพบว่า เมื่อคนเราอ่านเรื่องราวในหนังสือ จะสัมผัสและเข้าใจถึงอารมณ์ ความรู้สึกภายในของตัวละครในเรื่อง ซึ่งมันทำให้พวกเขาได้พัฒนาทักษะการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นไปในตัว และได้มองโลกในมุมของคนอื่นมากขึ้น
“การอ่านเป็นหนึ่งในการฝึกความเห็นอก เห็นใจ ระหว่างอ่านเปรียบเหมือนเรากำลังสวมรองเท้าคนอื่น” – Malorie Blackman
เพิ่มความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญ และส่งผลกระทบทุกด้านของชีวิต
ข่าวดี ประโยชน์หลักหนึ่งประการของการอ่านคือช่วยพัฒนาการสื่อสารของเราได้ดีขึ้น
การอ่านไม่เพียงแต่ช่วยให้เราได้รับข้อมูลและความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาการสื่อสารด้วย
Input = Output
เราอ่านและฟังแบบไหน เราก็จะพูดและเขียนแบบนั้น
นักปราศรัยที่ยิ่งใหญ่ในโลกล้วนมีการใช้คำที่ทรงพลังและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้ ซึ่งความจริงก็คือ พวกเขาล้วนเป็นนักอ่านตัวยง
การอ่านทำให้เราได้สัมผัสถึงพลังของภาษาในแบบที่ฟังและการดูแทบจะทำไม่ได้
การอ่านยังช่วยเรื่องของการเขียน เมื่ออ่านงานเขียนที่ดี เราจะสังเกตวิธีการเขียน จังหวะ และองค์ประกอบของการเขียนโดยธรรมชาติ ซึ่งมันจะซึมเข้าไปอยู่ในการเขียนของเราโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งเราอ่านเยอะ เราก็จะยิ่งมีเรื่องราวข้อมูลในหัวที่จะใช้พูดคุยกับคน แล้วการสนทนาของเรามีเสน่ห์ มีเรื่องราว และน่าเชื่อถือมากขึ้นอีกด้วย
ลดความเครียด
ผลของการอ่านอีกอย่างหนึ่งก็คือสามารถช่วยลดความเครียดได้
การวิจัยได้พิสูจน์แล้วว่าการอ่านหนังสือเพียง 30 นาทีสามารถลดความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ และความทุกข์ทางใจได้
อีกการศึกษาก็พบเหมือนกันว่าการอ่านช่วยลดความเครียดได้มากถึง 68% และเป็นวิธีที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ เช่น การฟังเพลงหรือการดื่มชาร้อน ๆ และยังได้ข้อสรุปว่า การอ่านเพียง 6 นาทีก็เพียงพอแล้วที่จะลดระดับความเครียด
การอ่านหนังสือเป็นวิธีหลีกหนีจากความเครียดในชีวิตประจำวันที่ดี และง่ายที่สุด
เพียงแค่เปิดหนังสือ เราก็จะได้รับเชิญให้เข้าสู่โลกอีกใบที่จะดึงความสนใจและทิ้งความเครียดในโลกความเป็นจริง
ดังนั้น ครั้งต่อไป ถ้าเกิดความรู้สึกเครียดกับสิ่งต่าง ๆ ให้ลองหยิบหนังสือที่ชอบสักเล่ม แล้วปล่อยตัวเองเพลิดเพลินกับมัน หลุดเข้าไปอยู่โลกของมัน แล้วจะพบว่าความเครียดของเราจะหายไป
“การใช้เวลากับหนังสือสักเล่มเป็นการผ่อนคลายที่ดีที่สุด” – Dr. David Lewis นักประสาทวิทยา
เพลิดเพลิน
หนังสือเป็นแหล่งที่ให้ความบันเทิงที่ให้ความรู้สึกร่วมที่ดีที่สุด อย่างที่สตีเฟน คิง นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่พูดไว้ว่า “หนังสือเป็นเวทมนตร์เพียงหนึ่งเดียวที่พกพาได้”
เราเคยไหมครับที่อ่านหนังสือสักเล่มแล้ววางมันไม่ลงจริง ๆ
จำความรู้สึกที่ใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวหรือสิ่งที่เรียนรู้มากจนยังต้องหยิบหนังสือเข้าไปอ่านในห้องน้ำหรือบนโต๊ะกับข้าวได้ไหม?
การอ่านเป็นสิ่งที่เราสามารถเพลิดเพลินได้ในต้นทุนที่ราคาถูกและสามารถอ่านได้ทุกที่ ดังนั้น ลองออกจากโลกสมาร์ทโฟน เปิดหน้าหนังสือแล้วดำดิ่งเพลิดเพลินลงไปกับหนังสือเล่มโปรดสักเล่ม
ช่วยให้หลับสบายขึ้น

การอ่านหนังสือสามารถช่วยให้นอนหลับได้ลึกขึ้น มอบความผ่อนคลาย คลายความเครียด ความกังวล และมอบความสงบให้แก่เราก่อนเข้านอน
โดยเฉพาะเมื่อทำเป็นกิจวัตร เพราะการที่เราอ่านหนังสือก่อนนอนทุก ๆ คืน จะเป็นการส่งสัญญาณบอกร่างกายให้ทราบว่า ถ้าอ่านหนังสือถือว่าเริ่มเป็นเวลากำลังจะเข้านอนแล้วนะ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเตรียมตัวเข้านอนโดยอัตโนมัติ แล้วเราจะหลับได้ง่ายขึ้น
จงอ่านหนังสือให้เป็นนิสัย ทำมันสม่ำเสมอก่อนนอน อาจจะอ่านเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ หรือสักบทสองบทก็ได้ แล้วเราจะพบว่าเราจะนอนหลับและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
หรือวันไหนที่ยุ่ง ๆ เครียด ๆ ลองหยุดพักหายใจ แบ่งเวลาไว้เฉพาะอ่านหนังสือ เลือกหนังสือดี ๆ สักเล่ม และนั่งลงอ่านมันก่อนจะเข้านอน
ในเวลาก่อนนอน หนังสือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
ช่วยทำให้อายุยืนยาว
นี่คงเป็นประโยชน์ที่หนังสือมอบให้เราที่ดีที่สุด
ผลการศึกษาล่าสุดโดยนักวิจัยของ Yale พบว่ามีความเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างการอ่านหนังสือกับการมีอายุยืนยาว นักวิจัยได้คัดคนจำนวน 3,635 ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี และติดตามเป็นเวลาถึง 12 ปี สุดท้ายพบว่าคนที่อ่านหนังสือจะมีอายุยืนยาวกว่าคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือหรืออ่านนิตยสารและสื่อรูปแบบอื่น ๆ ประมาณ 2 ปี และมีโอกาสเสียชีวิตน้อยกว่าถึง 17%
นอกจากนี้ คนที่อ่านหนังสือทุกวัน วันละ 30 นาที มีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวกว่าผู้ที่ไม่ได้อ่านอย่างสม่ำเสมอถึง 23%
แน่นอนว่า การอ่านเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการฝึกสมองเพื่อทำให้เราฉลาดขึ้นและเฉียบแหลมขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ผลที่ตามมาของเรื่องนี้ก็คือการอ่านยังช่วยป้องกันการลดลงของความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับอายุ
งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าผู้สูงอายุที่อ่านหนังสือหรือเล่นเกมที่กระตุ้นความตื่นเต้น เช่น หมากรุกเป็นประจำ มีโอกาสเกิดโรคอัลไซเมอร์น้อยกว่าถึง 2.5 เท่า
สรุป เมื่อเราอ่านหนังสือทุกวัน เรามีแนวโน้มที่จะรักษาความสามารถทางจิตใจและอายุยืนยาวขึ้นได้
บทสรุป
การอ่านหนังสือให้อะไรมากกว่าที่คิด
ถ้าจะมองว่าการอ่านหนังสือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง ก็ถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่ใช้เงินทุนน้อยมาก แต่กลับให้ผลตอบแทนทั้งทางร่างกาย โลกภายนอก และทางจิตใจ โลกภายในที่ประเมินค่าไม่ได้เลย
สุดท้ายนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง 10 ข้อนี้ จะมีสักข้อที่เพื่อน ๆ สามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้หรือทำให้เกิดแรงบันดาลใจบางอย่างขึ้นในชีวิต
แล้วพบกันที่ปลายทางของความสำเร็จครับ! 💪
Leave a Comment