หนังสือพัฒนาตนเองที่ต้องอ่าน [คัดมาโดยเฉพาะจาก 200 กว่าเล่ม] แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป

10 หนังสือพัฒนาตนเอง จิตวิทยาที่ต้องอ่าน [พร้อมสรุป คัดมาโดยเฉพาะจาก 200 กว่าเล่ม] ฉบับปี 2022

เรามีศักยภาพมากกว่าที่คิด ศักยภาพนี้ติดตัวทุกคนมาตั้งแต่เกิด หน้าที่ของเราคือการบ่มเพาะศักยภาพนั้นขึ้นมาโดยวิธีการ “พัฒนาตนเอง”

ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ใครสนใจ อย่าลืมไปติดตามกันได้นะครับ : ) 🙏
blank
ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ถ้าเพื่อน ๆ กดติดตาม ผมจะรู้สึกดีมากครับ
blank

การพัฒนาตนเองที่ง่าย เร็ว และต้นทุนต่ำที่สุดคือ การอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง

แต่จะอ่านเล่มไหนดีล่ะ? ทุกวันนี้หนังสือเกี่ยวกับพัฒนาตัวเองเต็มท้องตลาดไปหมด? วันนี้ผมจึงได้รวบรวม 10 หนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง ที่คัดเน้น ๆ มาฝากโดยเฉพาะ (คัดจากทั้งหมด 200 กว่าเล่มที่ผมอ่าน คลิกเพื่อดูรายชื่อหนังสือ) รับรองว่าสำหรับคนที่กำลังอยากหาหนังสือพัฒนาตนเอง หนังสือจิตวิทยา ต้องถูกใจแน่นอน ช่วยตัดสินใจในการเลือกซื้อได้อย่างแน่นอน (แถมทุกเล่มยังมีสรุปให้อ่านด้วย)

จะมีหนังสือพัฒนาตนเองเล่มไหนบ้าง เราไปลุยกันเลยครับ!

Table Of Contents
  1. หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 1 Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น เขียนโดย เจมส์ เคลียร์ (James Clear)
  2. หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 2 กินกบตัวนั้นซะ! (Eat That Frog!) เขียนโดย ไบรอัน เทรซี่ (Brian Tracy)
  3. หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 3 วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข (How to Stop Worrying and Start Living) เขียนโดย เดล คาร์เนกี (Dale Carnegie)
  4. หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 4 เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ (INTO THE MAGIC SHOP) เขียนโดย ดร. เจมส์ อาร์. โดตี (James R. Doty, M.D.)
  5. หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 5 เก็บที่นอนก่อนออกไปเปลี่ยนโลก (Make Your Bed) เขียนโดย วิลเลียม เอช. แม็คเรเวน (William H. McRaven)
  6. หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 6 เลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข เขียนโดย โกะโด โทคิโอะ (Tokio Godo)
  7. หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 7 ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน (The Alchemist) เขียนโดย เปาโล คูเอลญู (Paulo Coelho)
  8. หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 8 สมองเศรษฐี เขียนโดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร (K.S. Khunkhao)
  9. หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 9 น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20 (What I Wish I Knew When I Was 20) เขียนโดย ทีน่า ซีลิก (Tina Seelig)
  10. หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 10 52 เคล็ดวิชา เปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นอัจฉริยะ (The Little Book of Talent) เขียนโดย แดเนียล คอยล์ (Daniel Coyle)
  11. ก่อนจากกัน

หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 1
Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น เขียนโดย เจมส์ เคลียร์ (James Clear)

หนังสือพัฒนาตนเองที่ควรอ่าน แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น บทพิสูจน์ที่เปลี่ยนชีวิตคุณให้ดีขึ้นได้อย่างถาวรด้วยการสร้างนิสัย

หนึ่งประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้
“ความสำเร็จไม่ใช่เป้าหมายให้ไขว่คว้าหรือเป็นเส้นชัยให้วิ่งเข้า แต่เป็นระบบของการพัฒนา เป็นกระบวนการที่ต้องกลั่นกรองปรับปรุงอย่างไม่หยุดยั้ง”

เนื้อหาโดยสรุป

ถ้าพัฒนาตัวเองวันละ 1% ทุกวันเป็นเวลา 1 ปี ผลที่ได้คือ เราจะก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม 37 เท่า

กระบวนการพัฒนาตัวเองสู่ความสำเร็จของทุกคนล้วนการพัฒนาตัวเองวันละเล็ก ละน้อย สะสมในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ จน Boom! กลายเป็นความสำเร็จข้ามคืนที่เรามักจะได้ยิน ซึ่งความจริงแล้วเกิดจากการพัฒนาเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่เอง

แต่เราจะพัฒนาตัวเองได้อย่างสม่ำเสมอแบบนั้นได้ยังไง วิธีเดียวเท่านั้น และต้องทำ ถ้าอยากพัฒนาตัวเองได้ คือ ทำให้มันกลายเป็น “นิสัย”

นิสัยเป็นสิ่งรากฐานในการสร้างชีวิตของเรา ถ้าเราอยากสร้างชีวิตแบบไหน ก็ให้บ่มเพาะสร้างนิสัยแบบนั้นขึ้นมา

ดังนั้น นิสัยเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในชีวิตของเรา ใครสามารถเข้าใจการสร้างนิสัยได้ ย่อมได้เปรียบผู้อื่น

Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น เป็นหนึ่งในหนังสือเกี่ยวกับ “นิสัย” ที่ขายดีที่สุดในโลกที่ขายไปแล้วกว่า 5,000,000 เล่ม เขียนโดย เจมส์ เคลียร์ (James Clear) เจ้าของเว็บ Jamesclear.com

James Clear จะพาเราเข้าโลกของ “นิสัย” ว่ามันคืออะไร และมีวิธีการสร้างนิสัยและกำจัดนิสัยที่แย่ในตัวเรายังไงด้วยแนวคิดที่เข้าใจง่าย ๆ และครอบคลุมเรื่องนิสัยทั้งหมด

สำหรับคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองเป็นอีกหนึ่งหนังสือที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ ครับ

บ่มเพาะนิสัยแห่งการพัฒนาตัวเอง แล้วเราจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ

ติดตามช่องของเรา


หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 2
กินกบตัวนั้นซะ! (Eat That Frog!) เขียนโดย ไบรอัน เทรซี่ (Brian Tracy)

หนังสือพัฒนาตนเองที่ควรอ่าน แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป หนังสือกินกบตัวนั้นซะ! (Eat That Frog!) เป็นหนึ่งในหนังสือเกี่ยวการบริหารเวลาและการชนะการผัดวันประกันพรุ่งที่นักพัฒนาตัวเองทุกคนล้วนต้องเคยอ่านหรือผ่านหน้าผ่านตาอย่างแน่นอน (ต้องบอกว่าเป็นหนังสือคลาสสิกเลยก็ว่าได้) Brian Tracy ชื่อนี้ การันตีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตัวเอง เขาเป็นนักพูด นักพัฒนาตัวเองระดับโลก และนักเขียนที่เขียนหนังสือมาแล้วกว่า 80 เล่มที่สร้างฐานะมาจากไม่มีอะไรจนมาถึงทุกวันนี้ที่มีสินทรัพย์เกือบ 500 ล้านบาท

หนึ่งประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้
“เหตุผลหลักในการพัฒนาทักษะด้านการบริหารเวลา คือ เพื่อให้ทำทุกอย่างที่สำคัญจริง ๆ ให้เสร็จ และมีเวลาเหลือไว้ทำสิ่งที่มีความสุข อยู่กับคนที่เรารัก สิ่งที่เรารัก”

เนื้อหาโดยสรุป

“การบริหารเวลา” เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกความสำเร็จ และ “การผัดวันประกันพรุ่ง” ก็เป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดสำหรับการพัฒนาตัวเอง

ถ้าเราสร้างนิสัยบริหารเวลา และกำจัดนิสัยการผัดวันประกันพรุ่งได้ เราจะสามารถพัฒนาทุกสิ่งอย่างที่ต้องการได้ทั้งหมด

หนังสือกินกบตัวนั้นซะ! (Eat That Frog!) เป็นหนึ่งในหนังสือเกี่ยวการบริหารเวลาและการชนะการผัดวันประกันพรุ่งที่นักพัฒนาตัวเองทุกคนล้วนต้องเคยอ่านหรือผ่านหน้าผ่านตาอย่างแน่นอน (ต้องบอกว่าเป็นหนังสือคลาสสิกเลยก็ว่าได้)

Brian Tracy ชื่อนี้ การันตีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตัวเอง เขาเป็นนักพูด นักพัฒนาตัวเองระดับโลก และนักเขียนที่เขียนหนังสือมาแล้วกว่า 80 เล่มที่สร้างฐานะมาจากไม่มีอะไรจนมาถึงทุกวันนี้ที่มีสินทรัพย์เกือบ 500 ล้านบาท

จะว่าเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ขายดีที่สุดและแจ้งเกิดของเขาก็ได้ และเป็นเล่มที่ควรอ่านสักครั้งในชีวิต ยิ่งถ้าได้อ่านเร็วเท่าไหร่ ยิ่งพัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เร็วเท่านั้น

ติดตามช่องของเรา


หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 3
วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข (How to Stop Worrying and Start Living) เขียนโดย เดล คาร์เนกี (Dale Carnegie)

หนังสือพัฒนาตนเองที่ควรอ่าน แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข (How to Stop Worrying and Start Living)

หนึ่งประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้
ไม่ต้องห่วงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้จะดูแลตัวมันเอง

เนื้อหาโดยสรุป

ยิ่งสุขมาก ทุกข์น้อย ยิ่งพัฒนาได้เร็ว และไกลยิ่งขึ้น

ถ้าเรารู้วิธีรับมือกับความทุกข์ แปรเปลี่ยนมุมมองความทุกข์เป็นสุขได้ล่ะ? ชีวิตเราคงจะโบยบินได้ไกลยิ่งขึ้น

การโบยบินเปรียบเสมือนการพัฒนาตัวเอง ยิ่งตัวเราเบาเท่าไหร่ ก็ยิ่งโบยบินได้ไกลขึ้นเท่านั้น เช่นกันคงยากที่จะพัฒนาตัวเองได้อย่างเต็มเหนี่ยว ถ้ายังมีความทุกข์ที่แสนหนักอึ้ง คอยแบกในจิตใจอยู่

วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข (How to Stop Worrying and Start Living) เป็นหนึ่งในหนังสือที่พูดถึงเรื่อง “ความทุกข์” ที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งจากนักเขียนตำนาน เดล คาร์เนกี (Dale Carnegie) ที่ใครต่างรู้จักดีในผลงานที่ชื่อว่า วิธีชนะมิตรและจูงใจคน : How to Win Friends and Influence People

“ความทุกข์” เป็นเพียง “ความคิด” ที่ผ่านกระบวนการปรุงเรื่องราวให้เกินหรือไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เรามักจะทุกข์เกินความเป็นจริงเสมอ

มันคือวิธีการที่สมองของเราวิวัฒนาการมาอย่างนาวนั้น เพื่อปกป้องไม่ให้เราเผชิญกับเหตุการณ์เสี่ยง ๆ ที่อาจจะทำอันตรายต่อเราได้ แต่ยุคปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว

หนังสือเล่มนี้จะแบ่งปันเคล็ดลับแนวคิด และศิลปะการแปรเปลี่ยนความทุกข์ให้กลายเป็นความสุขได้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย และใช้ได้จริง (ความคิดเห็นส่วนตัวที่นำมาใช้แล้วจริง ๆ)

เทคนิค เช่น

  • ต้องคอยหลีกเลี่ยงให้ความคิดเหล่านี้ ไม่ให้อยู่ในหัวเรานานมากเกินไป
  • ต้องหาอะไรให้ตัวเองมีเวลาคิดสิ่งเหล่านี้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • อยู่กับปัจจุบัน ลงมือทำในส่วนที่สามารถทำได้ให้เต็มที่ ส่วนที่เหลือปล่อยวางและยอมรับมัน

เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ควรอ่านเพราะศิลปะการรับมือกับความทุกข์จะเป็นเหมือนเบาะที่รองรับความเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นระหว่างเส้นทางการพัฒนาตัวเอง

“ถ้าเรามีทุกข์น้อยที่สุด เราจะพัฒนาตัวเองไปได้ไกลที่สุด”


หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 4
เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ (INTO THE MAGIC SHOP) เขียนโดย ดร. เจมส์ อาร์. โดตี (James R. Doty, M.D.)

หนังสือพัฒนาตนเองที่ควรอ่าน แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป INTO THE MAGIC SHOP เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ

หนึ่งประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้
“การใช้ชีวิตอยู่ด้วยหัวใจที่เปิดออกอาจจะเจ็บปวด แต่ไม่มากเท่ากับการใช้ชีวิตด้วยหัวใจที่ปิดกั้นอยู่”

เนื้อหาโดยสรุป

ทุกอย่างเริ่มที่หัวใจ และจบลงที่หัวใจ

“หัวใจ” เป็นสิ่งสำคัญบนเส้นทางการพัฒนาตัวเอง และยิ่งหัวใจได้ผสานกับสมองได้อย่างกลมเกลียวมากเท่าไหร่ ทุกสิ่งที่เราต้องการย่อมเป็นไปได้

เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ (INTO THE MAGIC SHOP) เป็นหนึ่งในหนังสือจิตวิทยาที่เล่าเรื่องผ่านตัวละครที่อธิบายแนวคิดเรื่องจิตวิทยาได้อย่างเข้าใจง่าย ๆ เล่มนี้จะแบ่งปันเทคนิคการเปิดหัวใจแล้วผสานเข้ากับสมอง ซึ่งเมื่อทั้งสองอย่างสอดประสานกัน ปาฏิหาริย์ใด ๆ ก็เป็นจริงได้ และทุกคนต่างมีสิ่งเหล่านี้กันทุกคน

เขียนโดยนักศัลยกรรมประสาทที่ชื่อว่า James R. Doty MD เล่มนี้ยังเป็นหนึ่งในหนังสือที่องค์ทะไลลามะยกย่อง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับวง BTS แต่งเพลงชื่อ Magic Shop

อ่านแล้วจะรู้สึกใกล้ชิดและอบอุ่นกับหัวใจของตัวเองมากยิ่งขึ้น นี่คือสิ่งที่หนังสือเล่มนี้จะให้เรา

ติดตามช่องของเรา


หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 5
เก็บที่นอนก่อนออกไปเปลี่ยนโลก (Make Your Bed) เขียนโดย วิลเลียม เอช. แม็คเรเวน (William H. McRaven)

หนังสือพัฒนาตนเองที่ควรอ่าน แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป เก็บที่นอนก่อนออกไปเปลี่ยนโลก (Make Your Bed)

หนึ่งประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้
“ถ้าคุณอยากเปลี่ยนโลก จงเริ่มต้นด้วยการเก็บที่นอน”

เนื้อหาโดยสรุป

ความสำเร็จเริ่มต้นจากการทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะสิ่งนั้นเป็นสิ่งแรกของวัน จะทำให้เรารู้สึกดีเมื่อทำมันสำเร็จ ส่งผลให้การทำสิ่งอื่น ๆ ที่เหลือภายในวันทำเสร็จลุล่วงตามไปด้วย

เพียงแค่ใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตและการพัฒนาตัวเองทั้งหมดของเราได้

เก็บที่นอนก่อนออกไปเปลี่ยนโลก (Make Your Bed) เป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ (อ่านไม่กี่ชั่วโมงจบ) แต่เนื้อหาครอบคลุมแนวคิดการพัฒนาตัวเอง (ต้องบอกว่าเนื้อ ๆ เน้น ๆ) เช่น เริ่มต้นแต่ละวันด้วยการบรรลุภารกิจบางอย่าง อยากสำเร็จให้หาคนช่วย รู้ว่าชีวิตไม่ยุติธรรม ล้มเหลวบ่อย ๆ กล้าเสี่ยง ยืนหยัดต่อความยากลำบาก มอบกำลังใจให้คนอื่น และไม่ถอดใจล้มเหล้ว

หนังสือเล่มนี้คือการแบ่งปันกระบวนการพัฒนาตัวเองที่ผ่านประสบการณ์ของผู้เขียนที่เป็นพลเรือเอก ชื่อว่า วิลเลียม เอช. แม็คเรเวน โดยเนื้อหาเหล่านี้ได้นำมาจากพิธีการกล่าวสุนทรพจน์ให้กับนักเรียนที่จบ Navy SEAL ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหลักสูตรการฝึกที่โหด ท้าทาย และหนักที่สุด

ด้วยในวีดีโอเขาได้กล่าวประโยคทองที่ว่า “ถ้าคุณอยากเปลี่ยนโลก จงเริ่มต้นด้วยการเก็บที่นอน” ซึ่งทำให้ผู้คนรู้จักเขาและได้ทำเป็นหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ถ้าใครอยากดูวีดีโอคลิกที่นี่

รับรองว่า หนังสือเล่มนี้จะสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเองให้กับเราได้อย่างแน่นอน

เพียงแค่เริ่มต้นวันด้วยการ “เก็บที่นอน” ก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้

ติดตามช่องของเรา


หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 6
เลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข เขียนโดย โกะโด โทคิโอะ (Tokio Godo)

หนังสือพัฒนาตนเองที่ควรอ่าน แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป

หนึ่งประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้
“อย่าสนใจว่าใครจะคิดยังไงกับความคิดหรือพฤติกรรมของเรา สิ่งสำคัญคือเราได้ใช้ชีวิตที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่า “อา มีความสุขจังเลย” ต่างหาก

เนื้อหาโดยสรุป

เลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข เป็นหนึ่งในหนังสือที่ขายดีมาก ๆ หนังสือจะทำให้เรากลับมาทบทวนว่าเราได้ใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการจริง ๆ หรือตามที่สังคม คนอื่นอยากให้เป็น

ทุกคนต้องการเป็นที่ชื่นชอบและได้รับการยอมรับกันทั้งนั้น แต่คนส่วนใหญ่มักแคร์คนอื่นมากเกินไปจนลืมตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง อย่าปล่อยให้คนอื่นมีอำนาจมากำหนดสุขหรือทุกข์ของเรา กลับมารักตัวเองด้วยการเป็นตัวเองอย่างจริงแท้ แล้วชีวิตแต่ละวันของเราจะมีความสุขขึ้นเยอะ

ที่สำคัญการพัฒนาตัวเองย่อมเกิดขึ้นได้ยาก ถ้ายังมัวแต่คอยแคร์ความคิดเห็นคนอื่นอยู่ และคนที่ประสบความสำเร็จแทบทุกคน คือ คนที่กล้ายืนหยัดในความคิดของตนเอง ในตัวตนของตัวเองทั้งนั้น

ทุกการพัฒนาตัวเอง เริ่มต้นจากการรักตัวเอง และเห็นคุณค่าในจุดที่เราเป็น แล้วบ่มเพาะตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่นให้เก่งขึ้น ดีขึ้น

จงเป็นตัวเอง พัฒนาตัวเอง และทำในสิ่งที่เราต้องการ


หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 7
ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน (The Alchemist) เขียนโดย เปาโล คูเอลญู (Paulo Coelho)

หนังสือพัฒนาตนเองที่ควรอ่าน แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป

หนึ่งประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้
“ใจอยู่ที่ไหน ขุมทรัพย์ก็อยู่ที่นั่น ขุมทรัพย์อยู่ที่ไหน ใจก็จะอยู่ที่นั่น

เนื้อหาโดยสรุป

สิ่งที่ควรพกติดตัวระหว่างเส้นทางการพัฒนาตัวเองคือ “ความฝัน”

ความฝันจะเป็นเชื้อเพลิงที่เร่งสปีดการพัฒนาตัวเองของเรา ยิ่งมีความฝันที่แข็งแกร่งเท่าไหร่ เราก็ยิ่งจะลงมือพัฒนาตัวเองเพื่อจะไปถึงฝันนั้นมากขึ้นเท่านั้น

ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน (The Alchemist) เป็นหนึ่งในหนังสือที่ดีที่สุดที่สร้างแรงบันดาลใจและเปลี่ยนแปลงผู้คนทั่วโลกมานักต่อนักแล้ว การันตีด้วยการถูกแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ถึง 83 ภาษา

หนังสือเล่มนี้จะกระตุกหัวใจของเราให้เดินตามเสียงภายในใจ เสียงที่คอยบอกเราว่า เธอมีความฝันนะ เธอต้องทำมันให้เกิดขึ้นจริงนะ และไม่มีใครอื่นใดที่จะสามารถทำมันแทนเราได้

ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งเล่มที่ควรสักครั้งหนึ่งในชีวิต (จริง ๆ นะครับ) แล้วชีวิตเราอาจจะเปลี่ยนไปเช่นหลาย ๆ คนที่เปลี่ยนแปลงหลังอ่านเล่มนี้ (รวมถึงผมด้วย)

จงทำตามและให้เสียงนั้นนำทางชีวิตของเรา

ติดตามช่องของเรา


หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 8
สมองเศรษฐี เขียนโดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร (K.S. Khunkhao)

หนังสือพัฒนาตนเองที่ควรอ่าน แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป สมองเศรษฐี - ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร

หนึ่งประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้
คุณเกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จ เพราะนั่นคือธรรมชาติเดิมแท้ของมนุษย์ทุกคน

เนื้อหาโดยสรุป

ทุกคนล้วนปรารถนาที่อยากจะมั่งคั่งร่ำรวย แต่จะไปถึงจุดนั้นได้ สิ่งที่ต้องผ่านคือ การพัฒนาตัวเอง เพราะไม่มีใครร่ำรวยด้วยตนเองได้โดยการไม่พัฒนาตัวเอง

สมองเศรษฐี เป็นหนึ่งในหนังสือไทยเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง และความร่ำรวยที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง เนื้อหาสไตล์ผู้เขียนที่มีหลักจิตวิทยา วิทยาศาสตร์มาสนับสนุนด้วย (อ่านแล้วได้ความรู้อย่างแน่นอน)

โดยเนื้อภาพรวมจะสื่อว่า “เศรษฐี” ที่แท้จริง มีนิยามมากกว่าการมีเงินจำนวนเยอะ แต่ต้องมาพร้อมทั้งความมั่งคั่งภายนอก และภายใน เพราะใช่ว่าคนที่รวยทุกคนคือเศรษฐี ถ้าภายในไม่เติมเต็ม

ซึ่งกระบวนการที่จะนำไปสู่การเติมเต็มได้ก็คือ การพัฒนาตัวเอง โดยในหนังสือจะผ่านกระบวน 3 ขั้นตอน คือ ฝัน คิด และทำ

เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ควรอ่านสักครั้ง แล้วเราจะได้อะไรบางอย่างติดมือหลังอ่านจบอย่างแน่นอน

ติดตามช่องของเรา


หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 9
น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20 (What I Wish I Knew When I Was 20) เขียนโดย ทีน่า ซีลิก (Tina Seelig)

หนังสือพัฒนาตนเองที่ควรอ่าน แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20 (What I Wish I Knew When I Was 20) เขียนโดย ทีน่า ซีลิก (Tina Seelig)

หนึ่งประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้
โอกาส เกิดจากการดึงตัวเองออกจากเขตแดนแห่งความสบายใจ เต็มใจที่จะล้มเหลว เมินเฉยต่อความเป็นไปไม่ได้ และฉกฉวยทุกโอกาสที่จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์”

เนื้อหาโดยสรุป

น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20 เป็นหนึ่งในหนังสือที่ควรอ่านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และไม่จำเป็นต้องอายุ 20 เท่านั้น เขียนโดย Tina Seelig ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

Tina ที่จะบอกเล่าเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการรับมือกับความล้มเหลว ผิดหวัง ผิดพลาด ความไม่รู้ และปัญหาอีกมากมายที่เราทุกคนล้วนจะต้องเผชิญในชีวิตหลังการเรียนจบมหาวิทยาลัย

เราจะได้เรียนสิ่งที่เธอใช้สอนในมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และประสบการณ์ของเธอ อ่านเล่มนี้ราคาไม่กี่ร้อย ถือว่าคุ้มเมื่อเทียบกับเคล็ดลับการพัฒนาตัวเองที่จะได้รับ เช่น การมองว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ดี วิธีสร้างโชคดีให้ตัวเอง  อย่ารอให้ใครมาอนุญาตให้คุณประสบความสำเร็จ ทักษะการเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาส และสิ่งที่น่าจะรู้ตั้งแต่อายุ 20 ที่จะนำมาแบ่งปัน

เมื่ออ่านจบแล้วเราจะใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างไม่เสียดายอีกต่อไป


หนังสือพัฒนาตนเอง เล่มที่ 10
52 เคล็ดวิชา เปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นอัจฉริยะ (The Little Book of Talent) เขียนโดย แดเนียล คอยล์ (Daniel Coyle)

หนังสือพัฒนาตนเองที่ควรอ่าน แล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป 52 เคล็ดวิชา เปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นอัจฉริยะ (The Little Book of Talent)

หนึ่งประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้
ความเก่งกาจได้รับอิทธิพลจากการกระทำมากกว่าพันธุกรรม”

เนื้อหาโดยสรุป

เคยคิดไหมว่า ทำไมคนที่เก่ง ๆ ระดับโลกถึงไปถึงจุดนั้นได้ อะไรกันคือข้อแตกต่าง พวกเขามีเคล็ดลับอะไรพิเศษ?

52 เคล็ดวิชา เปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นอัจฉริยะ หนังสือเล่มนี้มีคำตอบครับ

เล่มเล็ก ๆ ที่อ่านจบได้อย่างรวดเร็ว พกพาไปไหนสะดวก เปรียบเสมือนคู่มือและทางลัดสำหรับการพัฒนาตัวเอง จะได้ไม่เสียเวลาลองผิด ลองถูก

หนังสือเล่มนี้บอกเล่าถึง 52 เทคนิคที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของอัจฉริยะจำนวนมาก แทบจะทุกวงกร ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ดนตรี และธุรกิจ เป็นต้น เช่น อย่าอายที่จะโมขไอเดียคนอื่น ยอมดูโง่บ้างเพื่อจะได้เรียนรู้ แต่ละวันงีบหลับชาร์ทพลังสักหน่อย และฝึกฝนวันละ 5 นาทีดีกว่าฝึกอาทิตย์ละ 1 ชั่วโมง

ซึ่งเคล็ดลับทั้งหมด ใคร ๆ ก็ทำได้ เพราะความอัจฉริยะมาจากการรู้เทคนิคและลงมือทำมากกว่าพรสวรรค์หรือพันธุกรรม

เล่มนี้ควรค่าแก่การซื้อมาอ่านเพื่อลงทุนในตัวเอง

ติดตามช่องของเรา

ก่อนจากกัน

เป็นยังไงกันบ้างครับ? 😊

การอ่านหนังสือเป็นการลงทุนที่ต้นทุนต่ำที่สุด สิ่งที่มีค่าที่จะได้จากการอ่านหนังสือคือ การรู้จักตนเอง

ทั้งหมดนี้คือหนังสือทั้ง 10 เล่มที่ผมคัดมาโดยเฉพาะเพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ประโยชน์สูงสุด หวังว่าจะช่วยเพื่อน ๆ ได้นะครับ

สำหรับใครมองหาสรุปหนังสือสามารถเข้าไปเลือกอ่านได้ที่นี่นะครับ ตอนนี้มีทั้งหมด 130 กว่าเล่มแล้ว รับรองว่าต้องเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ อย่างแน่นอน

มาร่วมเดินเส้นทางการพัฒนาตนเองไปด้วยกันครับ! 💪

อ่านจบแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ช่วยบอกเราหน่อยครับ 🙏
46 responses
OMG
OMG
16
Love
Love
18
Like
Like
12
Sad
Sad
0
Dizzy
Dizzy
0
Sleepy
Sleepy
0