เราต่างมีการนิยามความสำเร็จที่แตกต่างกัน สำหรับบางคน ความสำเร็จอาจหมายถึงความร่ำรวย กลายเป็นเศรษฐี สำหรับบางคนอาจหมายถึงการได้รับการยอมรับ ความยกย่อง ถ้วยรางวัลหรือผลงานอะไรบางอย่าง สำหรับบางคนอาจจะเป็นการมีสุขภาพที่ดี มีสุขภาพที่แข็งแรง หรือมีความสุข
ไม่ว่าความสำเร็จจะมีความหมายต่อเรายังไง ทั้ง 10 นิสัยนี้ก็สามารถนำมาใช้กับเราได้ (เนื้อหาได้แรงบันดาลใจจาก Fearless Motivation)
ซึ่งวิธีท่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นที่ดีที่สุดคือ การเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว และทุกความสำเร็จ ได้ทิ้งร่องรอยให้เราได้เดินตามเสมอ
เรามาเริ่มกันเลยครับ!
มีเป้าหมาย
คนที่มีเป้าหมายประสบความสำเร็จเพราะพวกเขารู้ว่าจะต้องไปที่ไหน

เป็นไปไม่ได้ที่จะพบคนที่ประสบความสำเร็จแต่ไม่เคยตั้งเป้าหมาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะได้ในสิ่งที่ต้องการโดยการไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน
ถ้าเราไม่รู้ว่าเรากำลังจะไปที่ไหน เราก็จะใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ และเดินไปสู่จุดที่เราไม่ได้ต้องการ
จงเริ่มกำหนดว่าเราต้องการอะไรในชีวิต? เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเราคืออะไร? เขียนมัน แจกแจงมันออกมาให้ละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และที่สำคัญเราต้องรู้ว่า “ทำไม” เราถึงต้องการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น การรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเป้าหมาย จะทำให้เราเป้าหมายนั้นทรงพลัง และมอบพลังในการลงมือทำให้เราแก่เรา
การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับคนที่ต้องการประสบความสำเร็จ
รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง
น้อมรับทุกสิ่งที่ชีวิตโยนใส่ เลิกบ่น เลิกต่อต้าน แล้วเดินหน้าต่อไป
คุณลักษณะสำคัญอีกประการหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จคือ พวกเขามีความรับผิดชอบอย่างเต็ม 100% ต่อทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวในชีวิตของพวกเขา
พวกเขาไม่ยอมเป็นเหยื่อต่อสถานการณ์หรือคนอื่น เพราะพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาคือ ผู้กำหนดชีวิตของตัวเอง
พวกเขาน้อมรับทุกอย่างที่ชีวิตมอบให้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายกระทำหรือถูกกระทำก็ตาม พวกเขาจะเรียนรู้บทเรียนเหล่านั้น เรียนรู้ว่าสิ่งไหนเวิร์กไม่เวิร์ก แล้วเดินหน้าต่อไป
ซึ่งต่างจากคนส่วนใหญ่ หากมีบางอย่างไม่ได้ผลขึ้นมา พวกเขาก็จะคอยโทษสิ่งอื่น โทษคนอื่น โทษฟ้าดิน โทษทุกอย่าง แต่ไม่น้อมรับ
ในแต่ละวันเรามีพลังงานที่จำกัด เราควรใช้มันให้ดีที่สุด เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์อะไรก็ตาม เราต้องคิดมองไปข้างหน้า “ฉันจะรับมือกับสิ่งนี้ยังไง?” “ฉันจะได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งนี้?” “ฉันจะทำให้ยังไงไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีก?”
อย่าใช้ชีวิตติดอยู่กับอดีตหรือหาข้อแก้ตัวว่าทำไมถึงไม่ทำอย่างนั้น อย่างงี้
จำให้ขึ้นใจไว้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้น้อมรับสิ่งที่ชีวิตโยนใส่เรา 100% แล้ววางมันลงไว้ จากนั้นก้าวขาเพื่อเดินหน้าต่อไป ก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
หนึ่งคำที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ประสบความสำเร็จคือ “ฉันรับผิดพลาดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของฉัน 100%”
มีวินัย
เรามี 2 ทางเลือก จะเจ็บปวดจากมีวินัยหรือเจ็บปวดจากความเสียใจ

ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จคนไหนไร้ซึ่งวินัย วินัยเป็นคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ของความสำเร็จทุกรูปแบบ
วินัยคือการที่เราลงมือทำ โดยไม่ใส่ใจกับอารมณ์หรือสิ่งใด ๆ ก็ตามที่เข้ามารบกวน
วินัยจะช่วยให้เราจดจ่อกับการบรรลุเป้าหมาย ให้มีความมุ่งมั่นในการลงมือทำ และช่วยให้เอาชนะอุปสรรค และช่วยผลักดันให้ตัวเรารีดศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่
คนที่ประสบความสำเร็จทุกคน ไม่ได้มีวินัยโดยธรรมชาติ แต่พวกเขาสร้าง พัฒนา และฝึกฝนมันขึ้นมา และทำอย่างสม่ำเสมอ
พวกเขามองว่ามันคือหน้าที่ ความรับผิดชอบ
ใครก็ตามที่ไม่เห็นความสำคัญของการมีวินัยในตัวเอง พวกเขาก็แทบจะไม่สามารถทำอะไรให้บรรลุได้ และจะไม่มีความเชื่อมั่นและภาคภูมิใจในตัวเองเลย และในที่สุด ความเสียใจจะเป็นบทสรุปของการไม่มีวินัยในตัวเอง
“ถ้ามีวินัยในตัวเอง ทุกสิ่งอย่างก็เป็นไปได้” Theodore Roosevelt
พัฒนาตัวเอง
คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนล้วนหมกหมุ่นอยู่กับการทำให้ตัวเองเก่งขึ้น
เราไม่สามารถบอกว่าเราประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง ถ้าเราหยุดพัฒนาตัวเอง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีความพอใจกับชีวิต แต่หมายความว่าเราเข้าใจว่าธรรมชาติของมนุษย์ ต้องเติบโต ขยายผล และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ผู้ประสบความสำเร็จทุกคนล้วนมี จิตใจแห่งการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ พวกเขาตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และรู้สึกฟินเมื่อได้รู้ว่าตัวเองได้เก่งขึ้น เพราะพวกเขารู้กฎข้อนี้ “ยิ่งเรียนรู้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับมากขึ้นเท่านั้น”
อ่าน
อีก 5 ปีข้างหน้า คุณจะกลายเป็นคนแบบไหนขึ้นอยู่กับหนังสือที่คุณอ่านวันนี้

การอ่านเป็นรากฐานของผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคน
คนส่วนใหญ่ไม่สามารถนั่งคนเดียวเป็นเวลานาน ๆ ได้ พวกเขามักจะเบื่อ และหยิบโทรศัพท์เพื่อเล่นโซเซียล แต่คนที่ประสบความสำเร็จนั้นทำต่าง พวกเขามักจะมีความสุขเมื่อได้มีเวลาอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ได้มีโอกาสอ่านในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อมันสมองและอนาคตของพวกเขา
ความสุขของพวกเขาคือ การได้ทำให้สมองมีรอยหยักมากขึ้น
- วอร์เรน บัฟเฟต์ อ่าน 500 กว่าหน้าทุกวัน
- มาร์ค คิวบาน อ่าน 3 ชั่วโมงทุกวัน
- บิล เกตส์อ่าน 50 เล่มใน 1 ปี
- โทนี่ รอบบิ้นส์ อ่าน 700 เล่มใน 7 ปี
สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ ให้ลองเริ่มต้นจากการฟังพอดแคสต์หรือฟังคนที่เราชื่นชอบ หรือถ้าอยากเริ่มอ่านก็ขอให้เริ่มต้นอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งที่เราชอบ
บริหารเวลา
เวลาเป็นสิ่งที่ไม่มีวันหวนกลับคืนมา เมื่อมันหายไปมันก็หายไปตลอดกาล
เราใช้เวลาอย่างไร ผลลัพธ์ความสำเร็จ ความล้มเหลวก็จะเป็นอย่างนั้น ดังนั้น การบริหารเวลามีความสำคัญต่อทุกความสำเร็จ
คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนล้วนรู้ว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าต่อพวกเขามากที่สุด เพราะพวกเขารู้ดีว่า ถ้าปราศจากเวลา ทุกสิ่งก็ไร้ค่า
พวกเขาจึงต้องใช้เวลาให้มีประโยชน์ และคุณค่ามากที่สุด
สิ่งหนึ่งที่จะเห็นได้ชัดจากพวกเขาคือ พวกเขาจะวางแผนทุกอย่างล่วงหน้าไว้อย่างละเอียด เช่น วันนี้ ตอนเช้าจะต้องทำอะไรบ้าง อาทิตย์หน้าจะต้องทำอะไร เดือนหน้าจะต้องทำอะไร
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขามีกิจวัตรที่แน่นอน เพื่อลดการต้องมานั่งเสียเวลาในการตัดสินใจ
และพวกเขาเชี่ยวชาญด้านการจัดลำดับความสำคัญ พวกเขาให้ความสำคัญแต่กับสิ่งที่จะคุ้มค่าและมีความหมายกับพวกเขาเท่านั้น
เสี่ยง
การเสี่ยงอาจดูน่ากลัว แต่ความเสี่ยงคือคูน้ำที่ขวางกั้นระหว่างคุณกับความสำเร็จ

ความก้าวหน้าครั้งสำคัญทุกอย่างในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม ล้วนเป็นผลจากบุคคลที่กล้าเสี่ยงและปฏิเสธสิ่งเดิม ๆ
คนที่ประสบความสำเร็จล้วนเข้าใจสิ่งเหล่านี้ดี พวกเขารู้ว่าถ้าไม่เสี่ยง พวกเขาก็จะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรที่แตกต่างจากเดิม พวกเขาจึงยอมกล้าที่เสี่ยง เพื่อไปให้ถึงจุดที่พวกเขาต้องการ และทุกครั้งที่พวกเขาเสี่ยง แสดงว่าพวกเขามีโอกาสที่ประสบความสำเร็จ
เราอยากเป็นนักพูด เราก็ต้องกล้าเสี่ยงที่จะเอาชนะความเขินอายกับการพูดบนเวทีที่มีคนฟังหลายพันคน เราอยากมั่งคั่ง เราก็ต้องเสี่ยงที่จะนำเงินไปลงทุนเพื่อให้มันงอกเงยขึ้น อยากเป็นนายตัวเอง เราก็ต้องกล้าที่จะออกจากงานประจำ เพื่อไปเสี่ยงลุยธุรกิจที่ใฝ่ฝัน
คนส่วนใหญ่ จะไม่กล้าเสี่ยง เพราะกลัวความล้มเหลว กลัวความผิดพลาด แต่ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ เมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิต แล้วรู้สึก “เสียดาย” ที่ทำไมตอนนั้นเราไม่ลองทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมต่างหาก
ถ้าอยากสำเร็จ เราก็ต้องกล้าที่จะทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งนั่นคือต้นทุนที่เราต้องแลก
ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดคือการไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย – Mark Zuckerberg
ไม่ยอมแพ้
ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ของเรา
เราทุกคนต้องประสบความพ่ายแพ้ ความล้มเหลวอย่างแน่นอน ที่คือความจริง แต่ถ้าเราฝ่าพันมันได้ ชีวิตจะมอบรางวัลให้แก่เรา รางวัลนั้นคือ ความสำเร็จ
ถ้าลองไปศึกษาคนที่ประสบความสำเร็จระดับสูง พวกเขาทุกคนล้วนต้องเคยพ่ายแพ้ ล้มเหลวมาก่อนทั้งสิ้น พวกเขาล้มเหลว พวกเขาสูญเสีย พวกเขาถูกปฏิเสธ พวกเขาร้องไห้ แต่มีสิ่งเดียวที่พวกเขาทำคือ พวกเขาไม่ยอมแพ้ เพราะถ้าพวกเขายอมแพ้ตั้งแต่วันนั้น พวกเขาก็คงจะไม่ประสบความสำเร็จในวันนี้
- Michael Jordan ชู้ดพลาดกว่า 9,000 ครั้ง แพ้เกือบ 300 เกม ตลอดอาชีพนักบาส
- Stephen King นิยามเล่มแรกของเขาถูกปฏิเสธ 30 ครั้ง
- Jack London ถูกปฏิเสธกว่า 600 ครั้งก่อนที่หนังสือเล่มแรกของเขาได้รับการตีพิมพ์
- Colonel Sanders ถูกปฏิเสธมากกว่า 1,000 ครั้งก่อนจะพบสูตรไก่ทอด KFC แล้วสำเร็จ
- Thomas Edison ล้มเหลวกว่า 10,000 ครั้งก่อนที่จะประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าได้สำเร็จ
- James Dyson สร้างต้นแบบเครื่องดูดฝุ่นล้มเหลว 5,126 แบบ ก่อนจะสำเร็จในครั้งที่ 5,127
ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ จงอย่ายอมแพ้ เรามีพลังมากกว่าที่เราคิด
เมื่อคุณมีความฝัน คุณต้องคว้ามันไว้และห้ามปล่อยมัน – Carol Burnett
นักลงมือทำ
การลงมือทำคือสะพานสู่ความสำเร็จ
เราทุกคนล้วนอยากประสบความสำเร็จ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะลงมือทำจริงเพื่อบรรลุความสำเร็จที่ต้องการ นี่คือข้อแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
คนที่ประสบความสำเร็จพวกเขาฝัน คิด แผน และลงมือทำทันที แต่คนส่วนใหญ่คือ ฝัน คิด แผน แต่ไม่ยอมลงมือทำ เมื่อเขาไม่ลงมือทำ ผลลัพธ์ย่อมไม่ปรากฎ ก็จะไม่มีทางที่ประสบความสำเร็จได้
คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนล้วนมีนิสัยลงมือทำทันที
อย่าคิดเยอะ ไม่ต้องรอให้พร้อมหรือเพอเฟกก่อนถึงจะทำ ทำไปก่อนแล้วหนทางมันจะเกิดขึ้นระหว่างทางเอง
การกระทำคือกุญแจพื้นฐานสู่ความสำเร็จทั้งหมด” – Pablo Picasso
รักในสิ่งที่ทำ
ทำในสิ่งที่รักทุกวัน แล้วจะรู้สึกเหมือนไม่ได้ทำงานอีกต่อไป

หากไม่ได้รักในสิ่งที่ทำ ก็อาจไม่เรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จที่แท้จริง
ใน 1 วัน มี 24 ชั่วโมง 8 ชั่วโมงหมดไปกับการทำงาน ซึ่งนับเป็น 1 ใน 3 ของเวลาทั้งชีวิตของเรา คิดดูว่าเวลา 1 ส่วนในชีวิตของเราหมดไปกับสิ่งที่เราไม่ได้รัก หัวใจ วิญญาณเราจะเหี่ยวเฉามากแค่ไหน กลับกัน ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่รักทุก ๆ วัน เราจะมีความสุขมากแค่ไหน สิ่งนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าความสำเร็จที่แท้จริง
คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนรักในสิ่งที่ทำ พวกเขาหลงใหลในงานที่ตัวเองทำ พวกเขาคิดถึงมันตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นจนถึงเข้านอน พวกเขาพูดเรื่องมันตลอดเวลา และด้วยความรักนี้เอง ทำให้เขาสามารถฝ่าฟันทุกความยากลำบากได้
จงใช้เวลาให้คุ้มค่าที่ได้เกิดมา เลือกในสิ่งที่เรารักและมีความสุขที่จะทำมันจริง ๆ แล้วเราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังว่า “ทำไมตอนนั้น ฉันไม่ทำสิ่งที่อยากทำ” นี่เป็นสิ่งที่ผู้คนเสียใจมากที่สุด
หากท่านรักในสิ่งที่ทำ ความสำเร็จจะเป็นของท่าน – Herman Cain
Leave a Comment