อิสรภาพทางการเงิน หรือ Financial Freedom เป็นเป้าหมายและความใฝ่ฝันของคนทุกคนทุก (ไม่ว่าพวกเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม) มนุษย์เราทุกคนล้วนต้องการอิสรภาพ อิสรภาพคือหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับการมีชีวิตที่มีความสุขและมีความหมาย
ซึ่งอิสรภาพทางการเงินนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือช่วยแก้ปัญหานี้ให้เราได้
อิสรภาพทางการเงินมอบอิสรภาพในการเลือกชีวิตมากยิ่งขึ้น
เราจะเลือกได้ว่าจะใช้เวลาในแต่ละวันไปกับอะไร เลือกงานที่อยากทำได้โดยไม่ต้องมีแรงผลักดันว่าต้องฝืนทำงานที่เกลียด ที่ไม่ได้มีความสุข เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงชีวิต
แต่น่าเสียดายที่หลายคนล้มเหลวกับการสร้างอิสรภาพทางการเงิน ซึ่งเหตุผลหลักมาจากสิ่งที่เรียกว่า “นิสัย” ที่ขัดขวางการสร้างอิสรภาพทางการเงิน เช่น นิสัยการสร้างภาระหนี้สินโดยไม่จำเป็น นิสัยการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย นิสัยการไม่มีเป้าหมายทางการเงิน นิสัยไม่ชอบเรียนรู้ ฯลฯ
“นิสัยทางการเงินที่ดีเป็นตัวกำหนดความมั่งคั่งและอิสรภาพทางการเงินของเรา”
ดังนั้น ถ้าอยากมีอิสรภาพทางการเงิน สิ่งแรกที่ต้องทำคือ เรียนรู้ว่าการจะมีอิสรภาพทางการเงินได้นั้นต้องมีนิสัยแบบไหนบ้าง
ซึ่งบทความนี้จะพาเราไปทำความรู้จัก 10 นิสัยที่สำคัญที่สุด เพื่อช่วยให้เราไปถึงอิสรภาพทางการเงินที่เร็วที่สุดได้
และไม่ว่าตอนนี้เราจะมีความเข้าใจด้านการเงินหรือไม่ก็ตาม การนำนิสัยเหล่านี้ไปใช้จะนำคุณไปสู่เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินได้ครับ 💰
เข้าใจรากฐานของเงิน
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจและยอมรับว่า “เงิน” เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้ดำรงชีวิตในโลกนี้ เพราะเราไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่คนเดียวได้ เราต้องมีการแลกเปลี่ยนกับคนอื่นอยู่เสมอ
เช่น เราไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ด้วยมือของตัวเองได้ทั้งหมด เราไม่สามารถผลิตอาหารกินเองได้ทั้งหมด เราไม่สามารถผลิตมือถือเองได้ เราไม่สามารถผลิตเสื้อผ้า ผ้าห่มให้ตัวเองได้
เราไม่มีเวลาทำทุกอย่างได้
เราจึงต้องพึ่งพาเครื่องมือที่เรียกว่า “เงิน” เพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการ
ดังนั้นเงินไม่ได้มีค่าในตัวมันเอง แต่มันมีค่าเพราะมันสามารถนำไปแลกเปลี่ยนสิ่งที่เราต้องการได้
ที่ผมเริ่มต้นด้วยเรื่องเงิน เพราะเราจะรู้ว่าเป้าหมายของเงินหรืออิสรภาพทางการเงินไม่ได้เพื่อมีเงินเยอะ ๆ แต่เพื่อได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ มีทางเลือกในชีวิต และมีอิสระทางด้านเวลาต่างหาก
แล้วเราจะได้มั่นใจได้ว่า อิสรภาพทางการเงินที่ต้องการนั้นเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ และสิ่งที่เรากำลังทำเพื่อไปสู่อิสรภาพทางการเงินนั้น ใช่สิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ในชีวิต ไม่ใช่พอไปถึงแล้ว กลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ จะเสียเวลาเปล่าเอานะครับ
“เงินสำคัญ เพราะช่วยให้มีตัวเลือกมากขึ้น สิ่งสำคัญคือ อย่าอยู่ใต้อำนาจของเงิน” จากหนังสือสักเล่มที่เคยบันทึกไว้
อิสรภาพทางการเงินคืออะไร?

อิสรภาพทางการเงิน คือ การที่เรามีรายได้เข้ามาเกินกว่ารายจ่ายอย่างสม่ำเสมอแบบ Passive Income จนทำให้เราสามารถเลือกชีวิตที่ต้องการได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น
จะเลือกทำงานอะไรก็ได้ เพราะไม่มีเงื่อนไขเรื่องเงินเข้ามากดดัน จะทำงานที่รัก หรือจะไม่ทำงานเลยก็ได้ (แต่แนะนำอย่าหยุดทำงาน เดี๋ยวเหงาแย่ เสี่ยงต่อโรคด้วย)
มันคือ ความสามารถในการทำสิ่งที่เราต้องการด้วยเวลาและพลังงานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลย นั่นหมายความว่า เราจะไม่กังวลเรื่องเงินอีกต่อไป
เรากลายเป็นนายผู้ควบคุมเงิน และเงินกลายเป็นทาสที่ไม่ได้ควบคุมเราอีกต่อไป
เราปลดแอกอิสรภาพจากเงิน
“อิสรภาพทางการเงินจะมอบอิสระที่จะใช้ชีวิตตามฉบับที่เราเลือกเอง ไม่ใช่ชีวิตฉบับที่คนอื่นเลือกให้”
แต่ใช่ว่าเราจะมีอิสระกับทุกเรื่องอย่างเบ็ดเสร็จ 100% นะครับ แต่ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงิน เราจะมีอำนาจในการเลือกได้
ซึ่งทุกคนล้วนต่างมีจำนวนเงินที่เรียกว่ามีอิสรภาพทางการเงินที่แตกต่างกัน
แต่ไม่ว่าเป้าหมายตัวเลขทางอิสรภาพทางการเงินของเราจะเท่าไหร่ จะ 1 ล้าน 10 ล้าน 100 ล้าน หรือ 1,000 ล้าน ก็ล้วนมีรากฐานมาจากสิ่งเดียวกันนั้นคือ นิสัย (ยกเว้นเกิดมาพ่อแม่รวยแล้ว)
และต่อไปนี้คือ 10 นิสัยที่จะช่วยให้เราไปถึงอิสรภาพทางการเงินได้เร็วยิ่งขึ้นครับ
“หนึ่งในความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดต่อตัวเอง คือ การทำสิ่งที่จะช่วยให้มีอิสรภาพทางการเงินและไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไปตลอดชีวิต” – Brain Tracy
10 นิสัยที่จะทำให้คุณมีอิสรภาพทางการเงินเร็วขึ้น
ตั้งเป้าหมาย
เราต้องการอิสรภาพทางการเงินไปเพื่ออะไร และต้องมีจำนวนเท่าไหร่ถึงจะรู้สึกว่ามีอิสรภาพทางการเงินครับ?
ความจริงอย่างหนึ่งของชีวิต ถ้าเราไม่รู้ว่าจุดหมายของเราคืออะไรและอยู่ที่ไหน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เราจะไปถึงที่นั่นได้
อิสรภาพทางการเงินก็เช่นกันครับ
ถ้าเรายังไม่รู้ว่าอิสรภาพทางการเงินของเราคืออะไร และจำนวนเท่าไหร่ มันก็ยากที่จะไปถึงมันได้
ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยนิสัยการตั้งเป้าหมาย
โดยให้เริ่มต้นด้วย “Why” ถามตัวเองว่า “ทำไมเราอยากมีอิสรภาพทางการเงิน?”
ทำให้มันชัด ทำให้มันเคลียร์แจ่มแจ้งในหัว และต้องเป็นคำตอบที่ทำให้หัวใจเราเต้นแรง ระดับพลังงานสูงขึ้น อ่านแล้วรู้สึกมีพลัง อย่างเช่น สำหรับผม ผมอยากมีอิสระในการทำงานที่ตัวเองรัก ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องทำงาน และอยากทำงานที่ได้สร้างผลกระทบหรือมอบคุณค่าให้แก่ผู้คน
จากนั้นให้เขียนมันลงกระดาษเลยครับ
- ทำไมเราอยากมีอิสรภาพทางการเงิน?
- ต้องมีจำนวนเท่าไหร่ถึงจะรู้สึกว่ามีอิสรภาพทางการเงิน?
ยิ่งเป้าหมายชัดเจนและเจาะจง และเวลานึกถึงสามารถทำให้เรารู้สึกมีพลังมากเท่าไร โอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
ทำงบประมาณ

เราจะไม่มีทางก้าวหน้าได้เลย หากไม่มีการทำงบประมาณการเงินของตัวเอง เพราะตอนสิ้นเดือนเราจะพบว่า เงินเราหล่นหายไปไหนหมด ซึ่งนี้ไม่ใช่เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน
การทำงบประมาณเป็นต้นทางของน้ำที่จะไหลไปสู่อิสรภาพทางการเงิน ถ้าเราไม่สามารถจัดการต้นน้ำนี้ได้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีอิสรภาพทางการเงินได้
การทำงานงบประมาณคือ สิ่งสำคัญในการทำให้เรารู้ว่าเรากำลังเดินไปในทางที่ถูกต้อง โดยการสร้างงบประมาณการใช้จ่ายของเราในแต่ละเดือน
ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะรับประกันว่าในแต่ละเดือน เราจะมีเงินเหลือเก็บเพื่อนำไปออมหรือลงทุนต่อยอดได้ และยังช่วยย้ำเตือนเป้าหมาย สร้างแรงจูงใจ และเพิ่มพลังในการต่อสู้กับสิ่งล่อใจได้
โดยเราสามารถเริ่มต้นด้วยการทำรายการใช้จ่ายแบ่งตามหมวดหมู่ต่าง ๆ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ค่าหนังสือ ค่าใช้เที่ยว ฯลฯ แล้วตัดสินใจว่าแต่ละรายการนั้น สามารถใช้เงินได้เป็นจำนวนเท่าไหร่
ตั้งแต่วันนี้ บ่มเพาะนิสัย “ติดตามการใช้จ่ายของตัวเองตลอดทั้งเดือน หากใช้จ่ายส่วนไหนมากเกินไปหรือน้อยไปเกิน ให้ปรับงบประมาณในส่วนนั้นให้เหมาะสม” และถึงแม้เราจะมีอิสรภาพทางการเงินแล้วก็ตาม เราก็ยังต้องใช้นิสัยนี้ ใช้ไปตลอดชีวิต
ผมใช้นิสัยนี้มาตั้งแต่ตอนสมัยเรียนจบใหม่ ๆ ซึ่งมันช่วยชีวิตทางการเงินผมไว้ได้เยอะเลยครับ
สำหรับใครไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ผมแนะนำ ค้นหาคำว่า “แผนการเงินส่วนบุคคล excel” ครับ
“99% เป็นเรื่องของวินัย 1% เป็นเรื่องของวิธีการ”
ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
การลดการใช้จ่าย จะช่วยให้เราได้รับประโยชน์ 2 อย่าง
- เราจะมีเงินมากขึ้นเพื่อเอาไปสะสมสินทรัพย์เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงิน
- เราจะได้ฝึกเรียนรู้วิธีแยกสิ่งที่จำเป็นและสิ่งที่ต้องการออกจากกัน
ในทุกวันนี้วิถีชีวิตของมนุษย์เราเปลี่ยนไปมาก ค่าใช้จ่ายของเราเพิ่มขึ้นตลอด นักการตลาดพยายามกระตุ้นให้เราซื้อของอยู่ตลอดเวลา ในโซเชียลมีเดีย ก็เห็นเพื่อน ๆ มีข้าวของเต็มไปหมด ตลอดเวลาเราถูกกระตุ้นให้ใช้จ่าย เราจึงควบคุมความรู้สึกอยากใช้จ่ายได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าเราอยากไปถึงอิสรภาพทางการเงินให้เร็วขึ้น เราจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายในช่วงแรกเสียก่อน เป็นการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แล้วนำเงินที่ลดได้ไปสร้างสินทรัพย์
ผมมี 2 เทคนิคที่ผมใช้อยากนำมาแบ่งปัน
1. เราต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือ “ความจำเป็น” กับ “ความต้องการ”
ความต้องการ คือ สิ่งที่ถ้ามีก็ได้ ไม่มีก็ยังใช้ชีวิตตามปกติได้
ความจำเป็น คือ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ถ้าไม่มีจะใช้ชีวิตได้ลำบาก
ทุกวันนี้เราตัดสินใจใช้จ่ายด้วยความรู้สึกอยากซื้อ เรามักหลงลืมใช้เวลาคิดอย่างถี่ถ้วนว่า สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่จำเป็นหรือแค่เราต้องการ แต่ถ้าเราแยกทั้งสองออกจากกันได้ มันจะช่วยให้เราใช้จ่ายอย่างระมัดระวังได้มากยิ่งขึ้น
2. ถ้าไม่เห็น ก็ไม่อยาก
ลองปิดการแจ้งเตือนโฆษณาจากแอพซื้อของ ยกเลิกการติดตามข่าวสารโปรโมชั่นต่าง ๆ หรือถ้าให้เด็ดขาดคือ ลบแอพไปเลย
เราต้องปิดทุกช่องทางที่เราจะเห็นสินค้าต่าง ๆ จำไว้ว่า ถ้าเราไม่เห็น ความรู้กระตุ้นอยากซื้อก็จะไม่เกิดขึ้น
นิสัยทั้ง 2 นี้มีจะเป็นเพื่อนที่เดินไปกับเราบนเส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินครับ
เลิกเลี่ยงหนี้เลว

ไม่มีอะไรรั้งเราให้ก้าวเข้าใกล้อิสรภาพทางการเงินได้มากกว่าการมีหนี้ก้อนโตค้ำบ่าของอยู่
เราจะวิ่งได้ช้าลงมาก ถ้าเรายังมีหนี้โดยเฉพาะหนี้เลวที่ต้องแบกรับภาระอยู่
หนี้เลวคือหนี้ที่เรากู้มาแล้วไม่ได้สร้างรายได้ให้เรา แต่สร้างข้อจำกัดในชีวิต ไม่อนุญาตให้เราได้ใช้ชีวิตที่ต้องการได้ เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบที่ ซึ่งดอกเบี้ยแสนโหด
นิสัยการหลีกเลี่ยงหนี้เลว จะป้องกันไม่ให้เราใช้ชีวิตเกินรายได้ ซึ่งจะนำพาไปหายนะทางการชีวิตและการเงินอย่างมาก โดยเฉพาะด้านจิตใจ ถ้าเราได้เป็นหนี้แล้ว ความคิดสร้างสรรค์ ไอเดียต่าง ๆ ความหวัง ความฝัน แรงจูงใจจะลดลงในทันที เพราะเราจะมัวแต่เอาเวลาไปคิดว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ยังไง เราจะไม่มีเวลาใฝ่ฝันถึงชีวิตที่มีอิสรภาพทางเงิน
มี 2 เทคนิค สำหรับคนที่มีหนี้อยู่ แต่อยากกำจัดมัน ใช้วิธี Snowball คือ เลือกใช้หนี้ที่จำนวนน้อยที่สุดก่อน เพื่อสร้างความรู้สึกมั่นใจ รู้สึกดี แล้วค่อย ๆ อยากใช้หนี้ก้อนถัด ๆ ไป หรือใช้หนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อนแล้วค่อยไล่ระดับลงมา
ถ้าต้องการสัมผัสกับอิสรภาพทางการเงิน ก่อนอื่นเราต้องทำให้ตัวเบามากที่สุดจึงจะเริ่มสร้างความมั่งคั่งได้ครับ
จ่ายเงินให้อนาคตตัวเองก่อน
โดยปกติสมการการเงินทั่วไปที่เราได้รับรู้มาตั้งแต่เด็กคือ รายได้ > ใช้จ่าย > ลงทุนให้อนาคตตัวเอง แต่ถ้าเราอยากเดินบนเลนสู่อิสรภาพทางการเงิน เราต้องเปลี่ยนสมการเป็น รายได้มา > ลงทุนให้อนาคตตัวเอง > ใช้จ่าย
จงสร้างนิสัยจ่ายให้อนาคตของตัวเองก่อนสิ่งอื่นใด นี่คือคำมั่นสัญญาที่เราต้องมีให้ตัวเอง เพราะถ้าเราไม่หักก่อนใช้จ่าย สุดท้าย เราจะพบว่า เรามักใช้เงินหมดไปก่อนที่จะเหลือให้ลงทุนให้อนาคตตัวเอง
การจ่ายให้อนาคตตัวเองก่อนเป็นการรับประกันว่าเรากำลังเดินอยู่บนเส้นทางไปสู่อิสรภาพทางการเงินด้วยการนำเงินไปลงทุนสร้างสินทรัพย์ก่อนสิ่งอื่นใด ตัวอย่างเช่น ลงทุนในความรู้ หักเก็บออมเข้าบัญชีอัตโนมัติ ลงทุนกองทุนเพื่อการเกษียณ ลงทุนในหุ้น ลงทุนในคริปโต หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เงินเรางอกเงยในอนาคต
สำหรับคนที่หักห้ามใจตัวเองไม่ได้ ผมมี 2 เทคนิคอยากแบ่งปันครับ
- เปิดบัญชีหักเงินอัตโนมัติ
- ให้คิดว่าเงินนี้ไม่ใช่ของเรา แต่เป็นเงินสร้างอนาคตที่จะให้เรามีอิสรภาพทั้งชีวิต
สร้างทรัพย์สินไม่ใช่หนี้สิน

เราทุกคนเกิดมามีข้อจำกัดติดตัวมาด้วย เรามีเวลาที่จำกัด มีพลังงานและแรงที่จำกัด มีสุขภาพที่จำกัด เรี่ยวแรงและเวลาของเราลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ
ถ้าเรายังใช้แรงแลกเงิน ถ้าเกิดวันหนึ่งเราไม่สามารถทำงานได้แล้ว เราจะทำยังไง ดังนั้น การสร้างสินทรัพย์ที่จะทำงานแทนเรานั้นเป็นทางออกที่ดีที่สุด
หนึ่งในบทเรียนจากหนังสือพ่อรวย สอนลูก (Rich Dad Poor Dad) ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างอิสรภาพทางการคือ จงสร้างทรัพย์สิน ไม่ใช่หนี้สิน
โรเบิร์ต คิโยซากิแนะนำว่า เราต้องแยกสิ่งที่เรียกว่าทรัพย์สินกับหนี้สินออกจากกันให้ได้ก่อน
แล้วเรามีวิธีดูว่าอะไรเป็นสินทรัพย์ได้ยังไง หากเข้าเงื่อนไข 2 ข้อนี้ ถือได้ว่าเป็นสินทรัพย์
- เราเป็นเจ้าของสิ่งนั้นอย่างแท้จริง
- มันต้องนำเงินเข้ากระเป๋าเราอย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้น ถ้าเราอยากมีอิสรภาพทางการเงิน เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะสร้างสินทรัพย์แล้วให้สินทรัพย์เหล่านั้นทำงานแทนเรา คีย์เวิร์ดอยู่ที่สร้างทรัพย์สินที่สร้างรายแบบที่เรียกว่า Passive Income ซึ่งควรเป็นรายได้ที่จะสามารถอยู่กับเราได้ทั้งชีวิต เลี้ยงดูเราได้ทั้งชีวิต
ตัวอย่างสินทรัพย์ เช่น
- อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า
- พอร์ตหุ้นที่จ่ายเงินปันผลให้เราทุก ๆ ปี
- สินค้าดิจิตอลที่ผลิตครั้งเดียว ขายได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่น E-Book คอร์สออนไลน์ รูปภาพ หรือเพลง ฯลฯ
- ธุรกิจไม่ว่าจะมีหน้าร้านหรือออนไลน์ที่เราสร้างระบบไว้โดยเราไม่ต้องเข้าไปยุ่งจัดการอะไรมากแล้ว
จำไว้ว่าทรัพย์สินยิ่งสร้าง ยิ่งทรงพลัง อาจจะเหนื่อยในช่วงแรก เหมือนการที่เราปลูกต้นไม้ที่ต้องหว่านเมล็ด ดูแล รดน้ำ ป้องกันไม่ให้แมลงมากิน แต่พอมันได้เติบโตขึ้น มันจะเป็นร่มเงาให้เราได้ทั้งชีวิต
พัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
บนเส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน ถ้าใครมีนิสัยนี้จะไปได้เร็วและไกลกว่าคนอื่นมาก นิสัยที่ว่าก็คือ การเป็นนักพัฒนาตัวเอง
การพัฒนาตัวเองจะเดินคู่ไปกับทรัพย์สินที่เราจะสร้างเพื่อไปสู่อิสรภาพทางการเงิน เพราะถ้าเราไม่พัฒนาตัวเอง 2 สิ่งจะเกิดขึ้นกับเรา
- เราตามโลกไม่ทัน นั้นหมายความว่า เราจะพลาดโอกาสที่จะสร้างเงินหรือสินทรัพย์
- คนอื่นจะเดินหนีเราไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งนาน ยิ่งลำบาก ยิ่งตามคนอื่นไม่ทัน
ในหนังสือ Secrets of the Millionaire Mind ของ T. Harv Eker เขาได้บอกความลับไว้ว่า “น้อยคนนักที่จะรู้ว่าวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการสร้างและรักษาความมั่งคั่งเอาไว้ก็คือ การพัฒนาตัวคุณเอง”
เขากำลังบอกเราว่า ยิ่งเรียนรู้พัฒนาตัวเองมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งหาเงินได้เก่งมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเราหาเงินได้เก่งมากเท่าไหร่ เราก็จะมีเงินไปสร้างสินทรัพย์มากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเรามีสินทรัพย์มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งไปถึงอิสรภาพทางการเงินได้เร็วมากเท่านั้น
ดังนั้น ตั้งแต่วันนี้ จงแบ่งเงินสัก 10% ลงทุนในความรู้ ลงเรียนคอร์ส สัมมนา ซื้อหนังสือ หรือเรียนรู้ฟรี ๆ บน YouTube และต้องอ่านหนังสืออย่างน้อย 1-2 เล่มต่อเดือน
การพัฒนาตัวเองเป็นการเหยียบคันเร่งเพื่อไปถึงอิสรภาพทางการเงิน
ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้เราไปถึงอิสรภาพทางการเงินได้เร็วเท่ากับการพัฒนาตัวเองอีกแล้วครับ
ปลูกต้นไม้หลาย ๆ ต้น

อย่าปลูกต้นไม้เพียงต้นเดียว หมายความว่าอย่าพึ่งพารายได้จากแหล่งเดียว มันทำให้เราไปถึงอิสรภาพทางการเงินได้ช้าและเสี่ยงมาก
ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็ว งานทุกอย่างมีโอกาสจะเปลี่ยนหรือถูกดิสรัปอยู่ตลอดเวลา การพึ่งพาแหล่งรายได้เพียงแหล่งเดียวอันตรายอย่างมาก เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับช่องทางรายได้นี้ รายได้ของเราจะหายในทันที ดังนั้น นิสัยของการปรับตัวและพร้อมเปลี่ยนแปลงเรียนรู้ทักษะเพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
เราต้องปลูกต้นไม้ไว้หลาย ๆ ต้น
รายได้หลายทางเป็นปัจจัยสำคัญต่ออิสรภาพทางการเงินอย่างยิ่ง ยิ่งมีรายได้เข้ามาหลายแหล่งมากเท่าไหร่ ยิ่งไปถึงอิสรภาพทางการเงินเร็วมากเท่านั้น และมีความเสี่ยงน้อยลงมากเท่านั้น
ซึ่งถ้าอยากเน้นอิสรภาพทางการเงิน มีเวลาทำสิ่งต่าง ๆ เราควรเน้นสร้างแหล่งรายได้แบบ Passive Income เป็นหลัก
วินัย
นิสัยนี้เป็นนิสัยที่ขาดไม่ได้เลย ถ้าอยากมีอิสรภาพทางการเงิน คือ นิสัยการรักษาวินัยในตัวเอง รู้จักข่มใจ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ย้ำว่าขาดไม่ได้ ไม่มีคนไหนที่มีอิสรภาพทางการเงิน (ด้วยตัวเอง) ไม่มีวินัย
ซึ่งตัววินัยและการข่มใจอดเปรี้ยวไว้กินหวานนี้แหละ จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จด้านอิสรภาพทางการเงินกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ
ถึงแม้จะเก่งแค่ไหน แต่ไม่มีวินัย ทุกอย่างก็จบ
สมมติเรามี 2 ทางเลือก
- 1 เลือกที่จะอ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง 2 เลือกที่จะนอนดู Netflix สบาย ๆ
- 1 เลือกที่จะดู YouTube เพื่อศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน 2 เลือกที่จะดูวิดีโอดราม่า
- 1 เลือกที่จะฟัง Podcast เติมความรู้อย่างสม่ำเสมอระหว่างเดินทางไปทำงานทุกวัน 2 เลือกที่จะฟังเพลงชิล ๆ
ชีวิตที่ปราศจากวินัยคือชีวิตที่ปราศจากอิสรภาพ ถ้าเราเลือกข้อ 2 แสดงว่าเราไม่มีอิสรภาพที่อยู่เหนือสิ่งยั่วยุต่าง ๆ เรายอมจำนนต่อความสุขชั่วคราว แต่เจ็บปวดในอนาคต
“การวางแผนการเงินและวินัยเป็นหัวใจสำคัญของอิสรภาพทางการเงิน” – Kishorkumar Balpalli
ดูแลทรัพย์สินที่ค่าที่สุด

ในระหว่างเส้นทางไปสู่อิสรภาพทางการเงิน เราต้องไม่ละเลยที่จะดูแลอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่เป็นเครื่องยนต์ให้เรา และถ้าเครื่องยนต์นี้ไม่สามารถทำงานได้ ทุกอย่างจบ
เครื่องยนต์ที่ว่าคือ “สุขภาพ”
ถ้าเราคิดว่าการยอมแลกทุกอย่างในชีวิตเพื่อทำให้บรรลุอิสรภาพทางการเงินให้เร็วที่สุด อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีที่สุดนัก
เพราะจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเรามีอิสรภาพการเงินแล้ว แต่สุขภาพย่ำแย่ ไม่ได้เพลิดเพลินกับเงินเหล่านั้น จะทำอะไรก็ยากลำบาก จะไปไหนก็ลำบาก
อย่างที่สุภาษิตโบราณบอกไว้ว่า “ที่ใดมีสุขภาพ ที่นั่นมีชีวิต”
ดังนั้น ในระหว่างทางเราควรดูแลสุขภาพตัวเองไปด้วย ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ทานอาหารสุขภาพ ดูแลสุขภาพจิตใจ นั่งสมาธิบ้าง ถ้าร่างกายส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ก็พักบ้าง หาอะไรดูผ่อนคลาย อย่าตึงเครียดเกินไป และลดสิ่งที่เสี่ยงทำให้เกิดโรคให้มากที่สุด
จำไว้ว่าเกมนี้เป็นเกมชีวิต เป็นเกมระยะยาว
อิสรภาพทางการเงินที่ประกอบด้วยร่างกายที่ไม่แข็งแรง ก็เหมือนเรือยอช์ตราคาแสนแพงขนาดใหญ่ที่เครื่องยนต์พัง
บทสรุป
สิ่งแรกที่ควรทำ ไม่ใช่การวิ่งไล่หาเงิน แต่เป็นการบ่มเพาะนิสัยที่จะช่วยไปสู่อิสรภาพทางการ ซึ่งจะเป็นรากฐานที่จะเร่งสปีดให้เราไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้เร็วยิ่งขึ้น
นิสัยสำคัญที่สุดครับ อย่างที่ Ralph Waldo Emerson นักปรัชญา นักเขียนพูดไว้ว่า “เราสร้างนิสัย และแล้วนิสัยก็สร้างเรา”
หวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากทั้ง 10 นิสัยเหล่านี้ รับรองว่า ถ้านำไปใช้เพียงแค่ข้อเดียว ชีวิตทางการเงินต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
พร้อมที่จะเริ่มต้นหรือยังครับ?
เริ่มสร้างนิสัยสู่อิสรภาพทางการเงินตั้งแต่วันนี้เลย
แล้วพบกันที่ปลายทางอิสรภาพทางการเงินครับ! 💪
Leave a Comment