7 เทคนิคเรียนรู้เร็วขึ้น 7 เท่าที่ใช้ได้กับทุกทักษะ

7 เทคนิคเรียนรู้เร็วขึ้น 7 เท่าที่ใช้ได้กับทุกทักษะ

การเรียนรู้เป็นส่วนสำคัญของชีวิตและความสำเร็จ มนุษย์ทุกคนล้วนต้องเรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ 

ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ใครสนใจ อย่าลืมไปติดตามกันได้นะครับ : ) 🙏
blank
ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ถ้าเพื่อน ๆ กดติดตาม ผมจะรู้สึกดีมากครับ
blank

แต่แค่ชอบเรียนรู้ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว เพราะเรามีสิ่งที่ต้องเรียนรู้เยอะเหลือเกินในเวลาอันสั้น ดังนั้น การเรียนรู้เราจะไปได้เร็วขึ้นมาก ถ้าเกิดเรารู้เทคนิคเรียนรู้เร็ว

ซึ่งวันนี้ผมจะมาแบ่งปัน 7 เทคนิคเรียนรู้เร็ว

ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันดูนะครับ รับว่าการเรียนรู้ของเราจะเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน (ป.ล. คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนล้วนรู้เทคนิคที่จะช่วยให้ตัวเองเรียนรู้เร็วกันทั้งนั้น)

หวังว่าบทความนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพื่อน ๆ ได้นะครับ 🙌

7 เทคนิคเรียนรู้เร็วที่ใช้ได้กับทุกทักษะ

1

เริ่มต้นด้วยทำไม

เทคนิคเรียนรู้เร็วที่ใช้ได้กับทุกทักษะ - เริ่มต้นด้วยทำไม

ในหนังสือ Start With Why ผู้เขียน Simon Sinek ได้เขียนไว้ว่า “จงเริ่มต้นด้วยทำไมเสมอ” 

ในการเรียนรู้ก็เช่นกันครับ เราต้องเริ่มด้วยถามตัวเองว่า “ทำไมถึงอยากจะเรียนรู้สิ่งนี้” เสมอ เพราะ “เหตุผล” จะทำให้เรามีแรงจูงใจในการเรียนรู้และไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

ตัวอย่างเช่น ลองนึกย้อนกลับไปตอนเราเรียนในโรงเรียนดูสิครับ เราแทบทุกคนล้วนรู้สึกเหมือนกันคือ เบื่อ ไม่มีแรงจูงใจในการเรียนรู้ เพราะเราไม่เหตุผลว่าจะเรียนไปทำไม 

ดังนั้น กลยุทธ์ที่ 1 ทุกครั้งที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ให้สละเวลาสักนิด เขียนคำถามและคำตอบลงบนกระดาษว่า

  1. “ทำไมทักษะนี้จึงสำคัญสำหรับฉัน?” คำตอบ ……………
  2. “ถ้าเรียนทักษะนี้แล้ว ชีวิตของฉันจะดีขึ้นอย่างไรบ้าง?” คำตอบ ……………

และทุกครั้งที่รู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ ก็ขอให้เรากลับมาอ่านทั้ง 2 คำถามนี้นะครับ มันจะช่วยจุดไฟให้เราอีกครั้งได้

2

โฟกัสที่วิธีการ

เมื่อเราจะเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เรามักนึกว่า เราต้องลงมือทุ่มเททำให้มาก ให้หนัก ให้เยอะเข้าไว้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้การันตีความสำเร็จในการเรียนรู้เร็วเสมอไป สิ่งสำคัญคือ วิธีการต่างหาก ถ้าเราเรียนรู้ด้วยวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพ ถึงใช้เวลาทุ่มเทแค่ไหนก็จะช้ากว่าคนที่ใช้วิธีการที่เจ๋งกว่า

ตัวอย่างเช่น มีคนสองคนจะเดินทางไปเชียงใหม่ เส้นทางเหมือนกันเลย เริ่มต้นจุดเดียวกัน และไม่ว่าทักษะและความมุ่งมั่นทั้งสองคนจะแตกต่างกันแค่ไหน ถ้าอีกคนปั่นจักรยาน แต่อีกคนขับรถแลมโบกินี่ คิดว่าใครจะไปถึงก่อนกันครับ แน่นอนว่าถึงแม้คนปั่นจักรยานจะขยันแค่ไหน ทุ่มเทแค่ไหน ยังไงคนขับแลมโบกินี่ย่อมไปถึงเชียงใหม่ก่อนอย่างแน่นอน

เช่นเดียวกันกับการเรียนรู้ วิธีการคือยานพาหนะที่จะพาเราไปในสถานที่ที่เราต้องการ เช่น ไปขอคำแนะนำคนที่มีความรู้ เชี่ยวชาญด้านที่เรากำลังจะเรียนรู้ หรือลงเรียนคอร์สเพื่อมองหาทางลัดในการเรียนรู้กับอีกคนนั่งงมหาข้อมูลเอง ฝึกฝน ทุ่มเททั้งวัน ทั้งคืน สุดท้ายแล้วคนที่แรกย่อมเรียนรู้ได้เร็วกว่าอย่างแน่นอน

ดังนั้น จงโฟกัสที่วิธีการที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่ที่จำนวนชั่วโมง

3

ใช้กฎ 80/20

กฎ 80/20 ถูกนำเสนอโดยนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาลีที่ชื่อว่า Vilfredo Pareto เขาอธิบายว่า “80% ของผลลัพธ์มักมาจากความพยายามของเราเพียง 20% เท่านั้น” หมายความว่า ผลลัพธ์ที่เราได้มักจะมาจากการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สำคัญที่สุด ซึ่งกฎนี้ไม่ได้ใช้เฉพาะในวิชาเศรษฐศาสตร์ ยังสามารถนำมาใช้กับชีวิตด้านอื่น ๆ รวมถึงการเรียนรู้ด้วยครับ (สำหรับใครอยากเข้าใจกฎ 80/20 มากยิ่งขึ้น ผมได้เขียนไว้ที่บทความ กฎ 80/20 คืออะไร? กฎที่จะช่วยให้ทำน้อย แต่ประสบความสำเร็จมากขึ้น)

ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แทนที่เราพยายามเรียนรู้ทุกสิ่ง เราเลือกเรียนรู้เฉพาะสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะส่งผลต่อผลลัพธ์มากที่สุดเพียง 20% เท่านั้น

เช่น หากต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เราก็ต้องเริ่มต้นด้วยการมี mindset ว่า เราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทุกคำศัพท์ ให้หาคำศัพท์ที่ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันบ่อย ๆ เพียง 20% ออกมา แล้วฝึกฝนพูดกับคำศัพท์เหล่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 80% ให้ตัดทิ้ง หรือถ้าคนมีเงินทุนหน่อย ก็บินไปอยู่ประเทศที่ใช้ภาษานั้น ๆ เลย

โดยสรุปก็คือเป็นวิธีคิดที่ทุกครั้งจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ให้เราหันความคิดตัวเอง มองหาว่ามีวิธีไหนที่ทำแล้วจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุดบ้าง แล้วมุ่งตรงไปวิธีนั้น

4

เรียนรู้จากการลงมือทำ

ตามทฤษฎีพีระมิดแห่งการเรียน (The Pyramid Learning) นักวิจัยจาก NTL Institute พบว่าวิธีการเรียนรู้แบบไหนที่จะฝังรากลึกเข้าในสมองเรามากที่สุด พูดง่าย ๆ ก็คือ วิธีไหนทำให้เราเรียนรู้ได้ดีที่สุด

blank
ขอบคุณภาพจาก : education corner

วิธีที่ 1 เรียนรู้ผ่านการบรรยาย เราจะจำได้ 5%

วิธีที่ 2 เรียนรู้ผ่านการอ่าน เราจะจำได้ 10%

วิธีที่ 3 เรียนรู้ผ่านการดูภาพและฟังเสียง เราจะจำได้ 20%

วิธีที่ 4 เรียนรู้ผ่านการเห็นตัวอย่าง เราจะจำได้ 30%

วิธีที่ 5 เรียนรู้ผ่านการพูดคุยแลกเปลี่ยน เราจะจำได้ 50%

วิธีที่ 6 เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ เราจะจำได้ 75%

วิธีที่ 7 เรียนรู้ผ่านการสอนคนอื่น เราจะจำได้ 90%

แน่นอนว่าในช่วงเริ่มต้น มันอาจจะยากและเรารู้สึกไม่มั่นใจที่จะไปสอนคนอื่น ดังนั้น วิธีการที่เหมาะที่สุดคือ การเรียนรู้จากการลงมือทำด้วยตัวเองก่อน

ลองนึกย้อนกลับไปวิธีการที่เราเรียนรู้จะปั่นจักรยาน (ตัวอย่างคลาสสิก) แทนที่เราจะดู vdo สอนหรืออ่านหนังสือเกี่ยวกับมัน เราเรียนรู้ผ่านการไปฝึก สัมผัสจักรยานจริง ลงมือปั่นจริง เราล้ม ผิดพลาด ลุกขึ้นใหม่ สุดท้ายเราก็สำเร็จ 

เพราะอะไรวิธีการนี้ถึงได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็เพราะว่าการเรียนรู้จากการลงมือทำ จะมอบประสบการณ์และความมั่นใจว่า แบบไหนเป็นสิ่งที่ถูก แบบไหนเป็นสิ่งที่ผิด ซึ่งทำให้เราเรียนรู้และพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น เมื่อจะเริ่มเรียนรู้ทักษะอะไร ลองลงมือทำจริงไปก่อนเลย หรือถ้ากลัวก็คิดว่าชิมลาง ๆ ทำไปก่อน แล้วเราจะค่อย ๆ กลับมาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้

5

สอนคนอื่น

เทคนิคเรียนรู้เร็วที่ใช้ได้กับทุกทักษะ - สอนคนอื่น

เทคนิคเรียนรู้เร็วที่เป็นทางลัดที่ดีที่สุดคือให้สอนคนอื่น

อย่างข้อที่ 4 เราพูดถึงพีระมิดการเรียนรู้ การสอนคนอื่นทำให้เราจำได้ถึง 90% เพราะอะไร?

เพราะการสอนคนอื่น มันบังคับให้เราต้องดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้มากที่สุด

เรากลัวจะสอนคนอื่นได้ไม่ดี (ออกแนวกดดันเบา ๆ แต่เป็นการกดดันเพื่อให้เราเติบโต) เมื่อเรากลัว เราจึงพยายามเรียนรู้ให้มากที่สุด และทำให้ความรู้เหล่านั้นเป็นระบบ ระเบียบ เพื่อจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายที่สุด

ดังที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายง่าย ๆ แสดงว่าคุณไม่เข้าใจมันดีพอ”

พูดง่าย ๆ ว่าระหว่างก่อนจะสอน ตอนเตรียมข้อมูลนั้นแหละ เราจะได้เรียนรู้ไปในตัว

เช่น เราเรียนรู้การพูดมา เราก็นำไปสอน ไปแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้ฟังด้วย หรือเรียนคำศัพท์อังกฤษใหม่มา 10 คำ ก็นำ 10 คำนี้ไปแชร์ ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ให้คนรอบข้างฟัง

หรืออีกเทคนิคสำหรับคนไม่กล้าสอนคนอื่น ให้สมมุติว่าเรากำลังสอน (แต่พูดอยู่คนเดียว) ก็ได้ (ผมใช้บ่อย ๆ ครับ)

6

แยกย่อยทักษะ

เมื่อเรามีเป้าหมายว่าจะเรียนรู้ทักษะไหนแล้ว สามารถใช้กลยุทธ์นี้ โดยเริ่มต้นจากให้เขียนชื่อทักษะที่ต้องการเรียนรู้ แล้วย่อยเป็นทักษะเล็ก ๆ ที่จะต้องใช้ฝึก

ตัวอย่างเช่น อยากเรียนรู้ทักษะการพูดในที่สาธารณะ เราสามารถย่อยได้

  1. ทักษะภาษากาย
    • ท่าทางมือ
    • การสบสายตา
    • ท่าทางการเดิน
    • จังหวะการเดิน
  2. ทักษะการนำเสนอ
    • การเขียนเนื้อหาในสไลด์
    • การออกแบบ
    • การจัดเนื้อหา
  3. ทักษะการพูด
    • โทนน้ำเสียงและสไตล์
    • ปริมาณการพูด
    • ความเร็วและจังหวะ

การแยกออกมาแบบนี้จะช่วยให้เรามีโฟกัสมากขึ้น แยกแยะทักษะที่ต้องเรียนรู้และไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปเรียนรู้ออกจากกันได้ แถมเมื่อฝึกแต่ละทักษะย่อยเสร็จ เราจะมีแรงจูงใจ อยากฝึกทักษะย่อยอื่น ๆ ต่ออีกด้วย เพราะได้สัมผัสถึงความสำเร็จ

7

เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง

เทคนิคเรียนรู้เร็วที่ใช้ได้กับทุกทักษะ - เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง

ไม่ว่าต้องเรียนรู้ทักษะไหน วิธีที่จะช่วยให้เรียนรู้เร็วที่สุดและเป็นทางลัดที่สุดคือ การหาคนที่ได้ผลลัพธ์ที่เราต้องการแล้ว

นี่เป็นเหตุผลที่นักธุรกิจระดับโลก ผู้ประสบความสำเร็จระดับสูงทุกคนล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ พวกเขามีโค้ชหรือผู้เชี่ยวชาญไว้แนะนำ เพราะพวกเขารู้ว่า ประสบการณ์ของคนที่ผ่านมาแล้วเป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาลที่จะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องไปลองผิด ลองถูก เสียเวลาเปล่า

อย่างสมัยก่อน ผมเชื่อว่าเวลาจะเรียนรู้อะไร เราต้องลุยด้วยตัวเอง หาข้อมูล เรียนรู้ด้วยตัวเองให้เต็มที่ก่อน ถึงจะค่อยไปขอคำปรึกษาจากคนที่เชี่ยวชาญ แต่สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ มันเสียเวลามาก ๆ ที่จะเราไปเริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเอง (ยากและเสียเวลามาก) 

แทนที่เราจะไปเสียเวลาหลายชั่วโมง หลายวัน หรือแม้แต่หลายเดือนในการไปหาข้อมูล เรียนรู้เอง สู้เราไปถามคนเชี่ยวชาญเพียงไม่กี่ประโยค ก็สามารถย่นระยะเวลาการเรียนรู้ของเราได้มหาศาล

ซึ่งผมมีเทคนิคมาฝาก เวลาจะถามใครเพื่อขอคำแนะนำ ให้ถาม 3 คำถามนี้

  • ถ้าย้อนกลับไปช่วงเริ่มต้นของการฝึกทักษะนี้ อยากย้อนกลับไปแก้ไขอะไรบ้าง?
  • ถ้าจะแนะนำ ข้อผิดพลาด 3 ข้อที่ควรระวังคืออะไร?
  • ถ้าผม/ฉัน จะเริ่มเรียนรู้หรือฝึกทักษะนี้ สิ่งหนึ่งอยากจะแนะนำคืออะไร?

แต่หากเราไม่มีคนที่เชี่ยวชาญด้านนั้นอยู่ใกล้ตัว เราสามารถใช้อินเทอร์เน็ต เช่น ลงเรียนคอร์ส หาหนังสือมาอ่าน ไป inbox ถามคนนั้นในเพจ หรือโพสต์ในกลุ่มที่คนสนใจเรื่องนั้นอยู่เยอะ ๆ ก็ได้ครับ

บทสรุป

การเรียนรู้เป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะในยุคต่อจากนี้ไป คนที่ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ หลายคนจะตกขบวน เพราะปรับตัวไม่ทัน

ดังนั้นพวกเราอย่าหยุดค้นหาโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ กันนะครับ

และยิ่งเรามีเทคนิคเรียนรู้เร็ว เราก็จะยิ่งไปได้เร็วและไกลขึ้นครับ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ นะครับ

แล้วพบกันที่ปลายทางของความสำเร็จครับ! 💪

อ่านจบแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ช่วยบอกเราหน่อยครับ 🙏
22 responses
OMG
OMG
6
Love
Love
13
Like
Like
3
Sad
Sad
0
Dizzy
Dizzy
0
Sleepy
Sleepy
0