10 เคล็ดลับความสำเร็จของโรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki)

10 เคล็ดลับความสำเร็จของโรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki)

ต้องการอ่านเคล็ดลับความสำเร็จของโรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki) อยู่ใช่ไหมครับ? มาถูกทางแล้วครับ!

ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ใครสนใจ อย่าลืมไปติดตามกันได้นะครับ : ) 🙏
blank
ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ถ้าเพื่อน ๆ กดติดตาม ผมจะรู้สึกดีมากครับ
blank

ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า วิธีที่จะช่วยให้ไปถึงความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น คือ การเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะทุกความสำเร็จได้ทิ้งร่องรอยให้เราได้แกะรอยเสมอ

ผมหวังอย่างยิ่งว่าเมื่อผู้อ่านอ่านจบ จะเข้าใจวิธีคิดและเรื่องราวชีวิตของเขามากยิ่งขึ้น และสามารถนำเคล็ดลับบทเรียนเหล่านั้นมาปรับใช้กับตัวเองได้

รับรองว่าจะได้ประโยชน์ และแรงบันดาลใจอย่างแน่นอนครับ 🙂

โรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki ) เป็นใคร ทบทวนกันสักหน่อย

หากพูดถึงหนังสือเกี่ยวกับการเงินที่เปลี่ยนมุมมองผู้คนทั่วโลกได้มากที่สุด หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นหนังสือ “Rich Dad Poor Dad พ่อรวย สอนลูก” อย่างแน่นอน เป็นหนึ่งในหนังสือที่ขายดี และเป็นที่นิยมที่สุดในใลก (เชื่อว่าทุกคนอย่างน้อยต้องเคยเห็นผ่านตามาอย่างแน่นอน) หนังสือเล่มนี้ทำให้ชายผู้นี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และทำให้ผู้คนตระหนักถึงการศึกษาเรื่องการเงินมากขึ้น ใช่ครับ เรากำลังพูดถึง โรเบิร์ต คิโยซากิ

โรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki) เกิดปี 1947 (ปัจจุบันอายุ 74 ปี) เขามีพ่อแม่ที่เป็นชาวญี่ปุ่นที่ต้นตระกูลย้ายจากญี่ปุ่นมาอยู่ในอเมริกา ปัจจุบันเขาเป็นนักธุรกิจ นักลงทุน นักสร้างแรงบันดาลใจ และนักเขียนชาวอเมริกัน เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Rich Global และ Rich Dad Company ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการบริหารการเงินส่วนบุคคล และให้ความรู้ด้านการเงิน และธุรกิจแก่ผู้คนผ่านหนังสือและวิดีโอ สัมมนาต่าง ๆ

เขายังเป็นผู้สร้างกระดานกระแสเงินสดและเกมซอฟต์แวร์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจ และแนวคิดทางการเงิน

โรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki ) เป็นใคร ทบทวนกันสักหน่อย พ่อรวย สอนลูก Rich Dad Poor Dad

ปัจจุบันตามข้อมูล Wikipedia เขาเขียนหนังสือมากกว่า 26 เล่ม รวมถึงหนังสือชุด Rich Dad Poor Dad ซึ่งได้รับการแปลเป็น 51 ภาษาและมียอดขายมากกว่า 41 ล้านเล่มทั่วโลก

ตามข้อมูลจาก Celebrity Networth ในปี 2022 เขามีสินทรัพย์มูลค่าทั้งหมด 100 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,257,500,000 บาท

อะไรกันที่ทำให้เขาสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีความมั่งคั่งได้ขนาดนี้ เราจะมาแกะรอยความสำเร็จของเขากันครับ

10 เคล็ดลับความสำเร็จของโรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki)

1

เริ่มต้นด้วยความรู้

โรเบิร์ต คิโยซากิเชื่อว่าการศึกษาคือกุญแจสู่ความสำเร็จ การเรียนรู้และฝึกฝนความรู้ที่มีอยู่เสมอสามารถปูทางสู่ความสำเร็จได้ และเขาเชื่ออย่างสุดใจว่า ถ้าใครต้องการประสบความสำเร็จทางการเงิน อันดับแรกที่ต้องทำคือ ต้องเรียนรู้เรื่องการเงิน

นั่นคือสิ่งที่เขาพยายามทำอยู่ทุกวัน เขาได้แบ่งปันแนวความคิดมากมายเกี่ยวกับการเงิน และสร้างแรงบันดาลให้ผู้คนมากมาย (รวมถึงผมด้วย ได้แนวคิดเกี่ยวกับการเงินในมุมใหม่จากหนังสือเขา)

ความรู้เป็นจุดแยกระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ไม่ประสบความสำเร็จออกจากกัน เช่น คนที่ศึกษาเรื่องการเงินย่อมได้เปรียบคนที่ไม่ได้ศึกษา ย่อมมีความคิดที่รอบด้านมากกว่า จึงทำให้เขาลงมือทำได้ประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นจุดเริ่มต้นคือ ความรู้

ซึ่งหลักการประการหนึ่งที่เขาแนะนำถ้าอยากเปลี่ยนสถานะทางการเงินคือ เราต้องรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เช่น ในหนังสือของเขา เขาแบ่งงานและอาชีพออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ พนักงานบริษัท ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และนักลงทุน ซึ่งเราต้องเข้าใจว่าเราอยู่ในหมวดหมู่ใดก่อน และเรียนรู้ว่าแต่ละแบบมีจุดเด่น จุดด้อยยังไง เช่น เขาบอกไว้คนที่ทำงานประจำ คือ คนที่ทำงานเพื่อจ่ายภาษี ทำงานให้รัฐ ทำงานให้บริษัท เพื่อแลกรายได้ที่เรียกว่าเงินเดือน จึงทำให้ต้องทำงาน ได้เงิน ทำงาน ได้เงิน วนลูบแบบนี้เหมือนหนูวิ่งในล้อที่วิ่งไม่เคยจบ

blank

ดังนั้นความรู้จะเข้ามาแก้ไขสิ่งนี้ได้ เขาแนะนำว่า สิ่งที่จะทำให้ร่ำรวย และหลุดจากวงจรนั้นได้แท้จริงนั้นต้องมารายได้อีกประเภท คือ รายได้ที่เกิดจากการสร้าง Passive Income

เขาแนะนำให้ทุกคนเรียนรู้มันให้มากที่สุด และคนที่รู้และเข้าใจมันจะมีโอกาสหลุดจากวงจรนี้ได้

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมความรู้ด้านการเงินถึงสำคัญ เพราะถ้าคุณทำงานหนักเพื่อ ทำสิ่งที่ผิด เราจะลงเอยด้วยความพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย

สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นด้วยความรู้ ที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือของเขา หรืออยากทบทวน ผมได้ทำสรุปไว้ให้แล้วครับ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่ “อ่านสรุปหนังสือพ่อรวย สอนลูก

2

ความคิดกำหนดความสำเร็จ

วิธีที่คุณคิดในที่สุดกำหนดวิธีการใช้ชีวิตของคุณ และเช่นเดียวกับคนที่ประสบความสำเร็จอื่น ๆ คิโยซากิเชื่อว่าวิธีที่เราคิดจะกำหนดผลลัพธ์ที่เราได้รับในชีวิต (ผมได้ทำบทความรวบรวมคำคมความสำเร็จไว้ 200 คำคม สามารถอ่านได้ที่นี่ครับ คลิกอ่านบทความ)

โรเบิร์ต คิโยซากิได้บอกเล่าเรื่องราวของเขาไว้ในรายการ Oprah Winfrey Show เขาบอกว่า เขาก็เหมือนกับนักธุรกิจคนอื่น ๆ เขาเคยหมดตัวก่อนจะประสบความสำเร็จ ในช่วงหมดตัว เขาถูกคนทวงหนี้ไล่ตาม แต่แทนที่เขาจะปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านั้นบีบคั้นเขาและใช้ชีวิตด้วยความกลัว เขาเปลี่ยนความคิด และใช้สิ่งเหล่านี้เป็นแรงจูงใจให้ทำงานหนักขึ้น หาเงินให้มากขึ้นเพื่อชำระหนี้ให้หมด

blank
โรเบิร์ต คิโยซากิในรายการ Oprah Winfrey Show ในปี 2000

คนส่วนใหญ่เชื่อว่าความทุกข์ยากจะฉุดพวกเขาลงและขัดขวางไม่ให้ก้าวต่อไป แต่คิโยซากิกล่าวว่าเขาจะคิดต่างออกไปและใช้ความทุกข์นั้นเป็นบันไดสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้น

เขาเชื่อว่าทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราคือตัวเรา และวิธีที่เราคิด ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลงชีวิตได้

ดังนั้น หากเราไม่ได้ใช้ชีวิตที่ต้องการในตอนนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือเปลี่ยนวิธีคิด เมื่อความคิดเปลี่ยน เราจะตัดสินใจและลงมือทำแตกต่างออกไป และในท้ายที่สุดชีวิตของเราก็จะเปลี่ยนไป

3

ไม่ทำงานเพื่อเงิน

แนวคิดยอดนิยมอีกประการหนึ่งจากหนังสือของคิโยซากิ Rich Dad Poor Dad คือ คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน แต่ใช้เงินทำงานแทน

เมื่อถามผู้คนว่าทำไมพวกเขาถึงต้องทำงาน คนส่วนใหญ่ก็มักจะบอกว่าทำงานเพื่อต้องการเงิน เพื่อเลี้ยงชีวิต และใช้หนี้ แนวคิดนี้ไม่ใช่ไม่ดี เป็นแนวคิดที่ดี แต่ต้องตระหนักเสมอว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นคือ พวกเขากำลังแลกเวลาอันมีค่ากับเงิน เรายอมแลกเวลา 8-9 ชั่วโมงต่อวันเพื่อได้เงิน แลกเวลา 1 เดือนเพื่อที่จะรับเงินตอนสิ้นเดือน

ดังนั้น ถ้าอยากได้เงินได้มากขึ้น เราก็จะต้องยอมแลกเวลาอันมีค่าของเราทำงานให้หนักขึ้น และนานขึ้น แต่เวลาเรามีจำกัดนะสิ นี่คือจุดอ่อนของแนวคิดนี้

blank

ทางออกคือ เราต้องมีแนวคิดเรื่อง “ไม่ทำงานเพื่อเงิน แต่ให้เงินไปทำงานแทนเรา” ซึ่งเป็นสิ่งที่คนประสบความสำเร็จด้านการเงินทำ พวกเขาสร้างธุรกิจและลงทุนเพื่อให้ได้รับรายได้แบบ Passive Income แทนที่จะต้องใช้เวลาเพื่อไปแลกเงิน พวกเขาใช้เงินเป็นเครื่องมือ ทำให้เงินทำงานแทน แต่ใช่ว่าพวกเขาไม่ทำงาน แค่มีจุดประสงค์การทำงานที่แตกต่างจากคนทั่วไป พวกเขาทำงานเพื่อสร้างสินทรัพย์ แล้วให้สินทรัพย์นั้นสร้างรายได้แทน และใช้รายได้จากสินทรัพย์นั้น ใช้ดำรงชีพ ซื้อสิ่งที่ต้องการ ตอบสนองกิเลส เช่น ซื้อบ้าน รถ เที่ยวต่างประเทศ เป็นต้น

เรามีเวลาเพียง 24 ชั่วโมงต่อวัน จงหยุดขายเวลาเพื่อเงิน ต้องมองหาวิธีการทำงานเพื่อสร้างสินทรัพย์ แล้วให้สินทรัพย์หรือเงินก้อนนั้นทำงานแทนเรา

4

มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า

Robert Kiyosaki สอนเราว่าความสำเร็จของเราจะได้รับอิทธิพลโดยตรงจากความแข็งแกร่งของความปรารถนาของเรา

ถ้าเรามีความปรารถนาที่อ่อนแอ เราก็จะประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเรามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะบรรลุบางสิ่งบางอย่าง แล้วความปรารถนานั้นจะผลักดันพาเราเดินไปสู่ความสำเร็จ

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?

สมมติว่าเราต้องการเริ่มต้นธุรกิจ เราเต็มใจเสียสละมากแค่ไหน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น

เรายินดีที่จะนอนดึกและรากสังขารให้ตื่นแต่เช้าเพื่อทำงานนี้หรือไม่?

เรายินดีที่จะอ่านหนังสือ ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมในตอนดึก ๆ หรือไม่?

สิ่งเหล่านี้ล้วนขับเคลื่อนโดยความปรารถนา ถ้าปราศจากความปรารถนาอย่างแรงกล้าแล้วล่ะก็ ก็ยากที่จะยอมสละความสบายของตนเองเพื่อทำสิ่งเหล่านั้น

เคล็ดลับความสำเร็จของโรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki)

แล้วถ้าเราไม่มีความปรารถนาหรือไม่รู้ล่ะทำยังไง ในหนังสือ Rich Dad Poor Dad โรเบิร์ตให้คำแนะนำไว้ว่า จงสร้างความปรารถนาขึ้นมา โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

  1. ความปรารถนา เช่น ปรารถนาอยากมีอิสระ อยากมีเวลาใช้กับสิ่งที่เรารัก ครอบครัว อยากมีชีวิตที่เป็นของตัวเอง อยากใช้เงินโดยไม่ต้องคอยกังวล
  2. กลับกันเราก็สามารถใช้ความไม่ปรารถนาเป็นตัวขับเคลื่อนได้เช่นกัน เช่น ไม่อยากทำงานไปตลอดชีวิต อยากเกษียณอย่างสุขใจ ไม่อยากทนทำงานที่ไม่รัก ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องอยู่อย่างยากลำบาก

เหล่าผู้คนที่ประสบความสำเร็จล้วนถูกแรงปรารถนาเหล่านี้

พวกเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ยอมเสียสละ ยอมเหนื่อยเพื่อทำมันให้มันเกิดขึ้นจริงให้ได้

ความปรารถนาจะผลักดันเราให้ออกจากความสะดวกสบายในปัจจุบันแล้วโยนเราไปสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งเป็นโลกที่จะทำให้เราได้เติบโต และดึงเอาส่วนที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา

ความสำเร็จจะวัดจากขนาดปรารถนาของเรา

5

ช่วงเวลาที่ยากลำบากนำมาซึ่งโอกาส

โรเบิร์ต คิโยซากิยอมรับว่าเขาทำเงินได้มากขึ้นเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ นั่นเป็นเพราะเขาเชื่อว่าหน้าต่างแห่งโอกาสจะเปิดขึ้นเมื่อสิ่งต่าง ๆ ยากลำบากและทุกคนมองว่าเป็นสถานการณ์ที่เลวร้าย

เมื่อช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผู้คนจะอยู่ในโหมดตื่นตระหนกและต้องการขายทุกอย่าง รวมถึงธุรกิจดี ๆ คิโยซากิเคยกล่าวว่า เขาได้ซื้อสนามกอล์ฟ 5 แห่งในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำเพราะผู้คนต้องการขายโดยไม่สนอะไรแล้ว จึงขายมันในราคาต่ำกว่าตลาด และสองสามปีต่อมา เมื่อเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดี ราคาของสนามกอล์ฟเหล่านั้นก็จะกลับขึ้นมาดีขึ้น มีผู้ยื่นข้อเสนอในราคาถึง 260 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแพงกว่าที่เขาซื้อมาช่วงวิกฤติอย่างมาก

“จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว” วอร์เรน บัฟเฟตต์ ชายผู้ที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในโลกได้กล่าวไว้

คิโยซากิบอกว่าเศรษฐกิจเป็นวัฏจักร มันจะขึ้น และลง เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ โอกาสจะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ขึ้นอยู่กับเราจะมอง ซึ่งเขาเชื่อว่าความรู้ด้านการเงินจะช่วยให้เรามองเห็นโอกาสเหล่านี้ได้

เราต้องเรียนรู้วิธีมองหาโอกาส เช่น เรียนรู้เรื่องการเงินรอ เมื่อวิกฤติมา ก็กล้าที่จะลงทุนในสิ่งนั้น ๆ (ถ้าศึกษานักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลาย ๆ คน จะพบว่า พวกเขาสร้างฐานะมาได้จากวิกฤติทั้งนั้น เช่น ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้ถือได้ว่าเป็นบิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่าในประเทศไทย ได้ลงทุนซื้อ CPALL (7-Eleven) ไว้ตอนวิกฤติ 40 เขานำเงินเก็บจากการทำงานมาทั้งชีวิต และมันก็เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอด)

นโปเลียน ฮิลล์ นักเขียนชื่อดังของ Think and Grow Rich เคยกล่าวไว้ว่า “ทุกความลำบาก ทุกความล้มเหลว ทุกความเจ็บปวด จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกันหรือมากกว่านั้น” คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเชื่อว่าความล้มเหลว ความยากลำบาก ความทุกข์ยาก และความพ่ายแพ้เป็นวิธีส่วนหนึ่งของความสำเร็จ มันให้บทเรียน และโอกาสในการเติบโต

6

จดจ่อ

Robert Kiyosaki เชื่อว่าการจดจ่อดีกว่าการกระจายไปหลาย ๆ สิ่ง หนึ่งในแนวคิดเพื่อความสำเร็จที่เขาแนะนำคือ F.O.C.U.S. ย่อมาจาก “Follow One Course Until Successful หรือ ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนกระทั่งมันสำเร็จ”

เมื่อปี 1997 เขาได้เข้าร่วมสัมมนาการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ หลังจากนั้นเขาเริ่มลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากสัมมนานั้นมาปฏิบัติ จนกว่าจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาจะอยู่กับมันและทำมันซ้ำไปเรื่อย ๆ จนเขารู้ว่าอะไรใช้ได้ผลและอะไรไม่ได้ผล จากนั้นเขาก็ค่อยเริ่มหันไปหาการลงทุนแบบอื่น

ลงทุนกับสิ่งที่รู้ การกระจายสิ่งที่ต้องทำให้หลากหลายนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่มันจะทำให้เราเดินหน้าได้ช้า

หยุดกระโดดจากโอกาสหนึ่งไปสู่อีกโอกาสหนึ่ง หรือเปลี่ยนจากธุรกิจหนึ่งไปสู่อีกธุรกิจหนึ่ง หากต้องการประสบความสำเร็จ ต้องทำตามแผน ทุ่มเทและให้เวลาสำหรับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็พอ

ค้นหาสิ่งที่จะได้ผลสำหรับตัวเองและยึดกับสิ่งนั้น กัดไม่ปล่อยกับมัน

7

สร้าง Passive Income

บทเรียนความสำเร็จที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ทุกคนควรเรียนรู้จากคิโยซากิคือ การสร้างทรัพย์สินที่แท้จริง

ต้องบอกว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่สำคัญทำให้คนทั่วโลกตระหนักถึงว่าอะไรคือสินทรัพย์และอะไรคือหนี้สิน และให้ความสำคัญกับ Passive Income มากยิ่งขึ้น (รวมถึงผมด้วย)

หนี้สิน กับ ทรัพย์สิน
ขอบคุณที่มา https://thesoftbook.com/rich-dad-poor-dad-summary/

คนส่วนใหญ่คิดว่าบ้านเป็นทรัพย์สิน แต่ผิด เพราะบ้านไม่ได้สร้างรายได้แบบ Passive Income ให้กับเรา และยังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อยู่เสมอ เช่น การซื้อของตกแต่งเพิ่ม หรือปรับปรุงบ้าน หรือคนส่วนใหญ่เข้าใจว่ารถยนต์คือสินทรัพย์ แต่คิโยซากิบอกว่า จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย รถไม่มีวันสร้างรายให้เราอย่างสม่ำเสมอได้ เขาจึงถือว่ารถยนต์เป็นหนี้สินไม่ใช่สินทรัพย์

คิโยซากิกล่าวว่าทรัพย์สินคือ สิ่งที่จะนำเงินมาให้คุณ เช่น ถ้าซื้อบ้านเพื่อลงทุนแล้วปล่อยเช่า ผู้เช่าจ่ายเงินให้เราทุก ๆ เดือนอย่างนี้เราเรียกว่า สินทรัพย์ เป็นรายได้แบบ Passive Income

ดังนั้น จงตั้งเป้าหมายที่จะเก็บสะสมทรัพย์สิน และหาสิ่งที่ทำให้เพิ่มจำนวนทรัพย์สินให้เราให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้มี Passive Income ไหลเข้ามามากที่สุด

แล้วชีวิตเราจะประหยัดเวลาและมีเวลาจดจ่อกับสิ่งที่มีค่ามีความหมายมากกับตัวเราจริง ๆ ได้ นี่คือสิ่งที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริง

คิโยซากิเขาก็ทำเช่นนั้นมาตลอด เขาสร้างทรัพย์สิน เพื่อให้มีรายได้แบบ Passive income จากธุรกิจและการลงทุนของเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวว่าบริษัท Rich Dad ของเขาพยายามเพิ่มแฟรนไชส์ ออกหนังสือใหม่ ๆ และทำสิ่งอื่น ๆ เพื่อเพิ่มสินทรัพย์ การทำเช่นนี้เป็นประจำจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท

8

เลิกออม

เมื่อพูดถึงการประสบความสำเร็จทางการเงิน สิ่งที่คนส่วนใหญ่จะคิดและทำคือการออมเงิน แตนี่ไม่ได้หมายถึงว่าเราจะใช้เงินแบบไม่คิด แต่หมายถึงการใช้เงินอย่างชาญฉลาดต่างหาก

คิโยซากิกล่าวว่าเรื่องการออม ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะค่าเงินนั้นผันผวน ทำให้กำลังซื้อของเราอ่อนตัวอยู่เสมอ อัตราเงินเฟ้อจะสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับจากออมเงิน

ราคาสำหรับสิ่งต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ เช่น ในปี 2540 ราคาน้ำมันต่อบาร์เรลน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10 เหรียญ แต่หลังจากนั้น 10 ปี ราคาน้ำมันได้เพิ่มขึ้นเป็น 100 กว่าเหรียญต่อบาร์เรล นี่คือผลกระทบของเงินเฟ้อ และหมายความว่า กำลังซื้อของเราจะลดลงอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งถ้าเราออมเงินไว้กับธนาคาร แน่นอนว่า เรากำลังขาดทุนแน่ ๆ

สิ่งที่คิโยซากิแนะนำคือการป้องกันความเสี่ยงของเงิน แทนที่จะออมเงินทั้งหมด คุณต้องป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อจากการลงทุน เช่น เมื่อคุณซื้ออสังหาริมทรัพย์ คุณกำลังป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากเมื่อมูลค่าของเงินลดลง แต่ราคาวัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็สูงขึ้นด้วย

ข้อแนะนำอีกข้อจากคิโยซากิคือ การลงทุนในทองคำ (Gold) และเงิน (Silver) แทนการฝากออมไว้กับธนาคาร

และสิ่งสุดท้ายที่คิโยซากิอยากฝากไว้ “การออมเงินเป็นกฎเก่าที่ใช้ไม่ได้ในยุคปัจจุบันนี้”

9

อย่ากลัวที่จะล้มเหลว

คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนล้มเหลวอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต

  • เฮนรี่ ฟอร์ด ล้มละลาย 5 ครั้งก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จในธุรกิจรถยนต์
  • สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้ง Apple ถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาสร้างกับมือ แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาที่ Apple และสร้างให้ Apple เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดแห่งทศวรรษ
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ล้มเหลวหลายครั้งและเป็นหนี้มูลค่าพันล้านดอลลาร์ ก่อนที่เขาจะกลับมาและประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม

โรเบิร์ต คิโยซากิเคยพูดว่าเขาล้มเหลวหลายครั้งในธุรกิจของเขาเช่นกัน

เขาเล่าว่า เด็ก ๆ เรียนรู้ที่จะเดินโดยการยืน ล้ม แล้วก็ลุกขึ้น แล้วก็ล้มอีก แต่สิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้เด็กจะได้รับบทเรียนและเรียนรู้มากที่สุด ซึ่งชีวิตและธุรกิจก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน เราจะต้องล้มเหลว

แต่ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่กลัวที่จะทำผิดพลาด กลัวที่จะล้มเหลว เพราะถูกปลูกฝังมาจากโรงเรียน ว่าถ้าทำผิด โดนลงโทษ แต่ชีวิตจริงนั้นต่างออกไป เราจะไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ หากไม่มีข้อผิดพลาด

“ในโลกแห่งความเป็นจริง คนที่ฉลาดที่สุดคือคนที่ทำผิดพลาดแล้วเรียนรู้ ในโรงเรียน คนที่ฉลาดที่สุดจะไม่ทำผิดพลาด”

พวกเขาจึงปล่อยให้ความกลัวเหล่านั้นมาหยุดยั้งการก้าวไปข้างหน้าของตนเอง และในที่สุดพวกเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจ

ดังนั้นให้มองว่าความล้มเหลวเป็นเพียงการบอกว่าเราควรจะต้องพัฒนาตรงไหน ปรับแก้ตรงไหนให้ดีขึ้น

ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ทำผิดพลาดและล้มเหลว จนกระทั่งประสบความสำเร็จในที่สุด

ถ้าอยากประสบความสำเร็จ อย่ากลัวที่จะล้มเหลว ผิดพลาดบ้าง แล้วเรียนรู้ และเดินหน้าต่อไป

10

ยิ่งให้ ยิ่งได้

ความสำเร็จของโรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki)

คิโยซากิเชื่อมั่นในหลักการยิ่งให้ยิ่งได้รับ ในหนังสือ Rich Dad Poor Dad เขาได้เขียนถึงความแตกต่างระหว่างพ่อจนกับพ่อรวย เขาบอกว่าพ่อที่ยากจนของเขานั้น ต้องการเพียงแค่มีให้มากขึ้น แต่ไม่ต้องการที่จะให้ เพราะเชื่อว่ายิ่งให้ ก็ยิ่งสูญเสีย

ตรงกันข้าม พ่อรวยเชื่อว่ายิ่งให้ ยิ่งได้มาก เช่น ในโลกของธุรกิจ ยิ่งสร้างมูลค่ากับลูกค้ามากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีลูกค้ามากขึ้น และภักดีต่อเรามากเท่านั้น

ซึ่งหลายคนที่ทำธุรกิจพยายามบีบ เค้นเงินจากลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งสำหรับคิโยซากิเป็นความคิดที่ผิดมาก ๆ

หรือกรณีคนทำงาน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำงานน้อยลง แต่จะขอรับเงินมากขึ้น หากต้องการรับเงินมากขึ้น ทางเดียวคือ ทำงานให้ดีขึ้น หนักขึ้น

ดังนั้น เป้าหมายหลักของเราคือ การสร้างคุณค่าให้แก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะผ่านธุรกิจ ผ่านการงาน สร้างสินค้าที่ยอดเยี่ยม บริการที่แสนพิเศษ ทำงานด้วยความใส่ใจ ในที่สุดแล้วในระยะยาวเราจะได้รับสิ่งที่ดี ๆ ตอบแทนกลับอย่างแน่นอน (แต่ที่ได้รับแน่นอนคือ เราจะเก่งขึ้นด้วยการทำให้มากขึ้นอย่างแน่นอน)

“ไม่มีใครยากจนด้วยการให้” แอนน์ แฟรงค์

จงให้ให้มากให้ก่อน แล้วเราจะรับมากกลับมาเช่นกัน

บทสรุป

สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากความสำเร็จของโรเบิร์ต คิโยซากิ คือ ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความคิด ความคิดกำหนดระดับความสำเร็จของเรา และแยกให้ออกว่าอะไรคือสินทรัพย์ แล้วสะสมสินทรัพย์เพื่อสร้าง Passive Income และความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนความสำเร็จ จงอย่ายอมแพ้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ สุดท้ายยิ่งเราเรียนรู้มาก ยิ่งทำมาก ยิ่งให้มาก เราก็จะยิ่งได้รับมากเท่านั้น

สรุปทั้ง 10 เคล็ดลับความสำเร็จของโรเบิร์ต คิโยซากิ (Robert Kiyosaki)

  1. เริ่มต้นด้วยความรู้
  2. ความคิดกำหนดความสำเร็จ
  3. ไม่ทำงานเพื่อเงิน
  4. มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า
  5. ช่วงเวลาที่ยากลำบากนำมาซึ่งโอกาส
  6. จดจ่อ
  7. สร้าง Passive Income
  8. เลิกออม
  9. อย่ากลัวที่จะล้มเหลว
  10. ยิ่งให้ ยิ่งได้

เป็นยังไงกันบ้างครับ กับเคล็ดลับความสำเร็จทั้ง 10 ข้อของโรเบิร์ต คิโยซากิ ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การรู้สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางสู่ความสำเร็จของเราได้

หวังว่าเพื่อน ๆ จะสามารถนำข้อคิด เคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตตัวเองและทำให้ชีวิตพัฒนาขึ้น และมีความหมายมากยิ่งขึ้น

แล้วพบกันที่ปลายทางของความสำเร็จครับ! 💪

อ่านจบแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ช่วยบอกเราหน่อยครับ 🙏
38 responses
OMG
OMG
16
Love
Love
16
Like
Like
6
Sad
Sad
0
Dizzy
Dizzy
0
Sleepy
Sleepy
0