สวัสดีครับ👋
กำลังมองหาแนวคิดที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้อยู่ใช่ไหมครับ?
มาถูกทางแล้วครับ
ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า วิธีที่จะช่วยให้ไปถึงความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น คือ การเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะทุกความสำเร็จทิ้งร่องรอยให้เราได้แกะรอยเสมอ
วันนี้ผมจึงมาแบ่งปันเนื้อหาเกี่ยวกับเคล็ดลับความสำเร็จ 10 ข้อของชายที่ชื่อว่าเป็น “ผู้พลิกโลกแห่งวงการไอที” เขาคือสตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ครับ
รับรองว่าจะได้ประโยชน์ และแรงบันดาลใจอย่างแน่นอนครับ : )
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) เป็นใคร ทบทวนกันสักหน่อย
สตีฟ จ็อบส์เกิดปี 1955 เขาเป็นนักธุรกิจ นักลงทุนและนักสร้างนวัตกรรมชาวอเมริกา ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Apple เคยเป็นประธานบริหาร Pixar และเป็นกรรมการบริหารบริษัท The Walt Disney
เขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้บุกเบิกการปฏิวัติคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer Revolution หรือที่เราเรียกว่า PC) ในช่วงปี 1970-1980 (ในสมัยนั้นผู้คนทั่วไปไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ เพราะมีขนาดใหญ่ และราคาแพงหลายแสนดอลลาร์) โดยร่วมหุ้นส่วนธุรกิจกับเพื่อนที่ชื่อว่า Steve Wozniak (เรามักคุ้นเคยกับชื่อเล่น Woz) ซึ่งเป็นผู้ช่วยทำให้แนวคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา และได้ปรากฎต่อสายตาผู้คนเป็นครั้งแรกด้วยการใช้ชื่อเครื่องว่า “Apple I”
Apple I คือจุดเริ่มต้นของอาณาจักร Apple ที่ยิ่งใหญ่
หลังจากนั้นเขาได้ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อวงการอุตสาหกรรมถึง 4 อัน คือ
- คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Mac) (1998)
- เพลง (iPod และ iTunes) (2001)
- มือถือ (iPhone) (2007)
- แท็บเล็ต (iPad) (2010)
สิ่งเหล่านี้ทำให้สตีฟ จ็อบส์ ผู้คนยกย่องว่าเขาเป็นหนึ่งคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง และกลายเป็นตำนานผู้ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงผู้คนทั่วโลกที่ยังตึงตราอยู่ในใจหลายคน ถึงแม้เขาจะจากพวกเราไปแล้วก็ตาม
ซึ่งเรื่องราวชีวิตของเขาสามารถสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นบทเรียนให้ผู้คนได้อย่างมากมาย
ดังนั้นวันนี้เรามาไขเคล็ดลับความสำเร็จของเขากันครับ
เคล็ดลับความสำเร็จข้อที่ 1 ชีวิตมันสั้น อย่าเสียเวลาใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น
“เวลาของคุณมีจำกัด ดังนั้นอย่าเสียเวลาไปใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น” สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
สตีฟเป็นตัวเองที่สุด เขากล้าทำ กล้าพูดในสิ่งที่เขาเชื่อ เขาเคารพตนเอง เขามีความกล้าหาญที่จะทำตามหัวใจและสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะเขาตระหนักเสมอว่า “ชีวิตมันสั้น และเวลาที่มี จึงเป็นสิ่งมีค่าที่สุด” เขาจึงเลือกทำอะไรที่มีความหมายต่อเขาเท่านั้น เสียงคนอื่นจึงเบา ทำอะไรเขาไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนส่วนใหญ่
คนเราส่วนใหญ่มักจะยึดติดอยู่กับความเชื่อ ความคิดและความเห็นของผู้อื่น จนทำให้เสียงเหล่านั้นกลบเสียงภายใน เสียงหัวใจของตัวเอง
ทุกนาทีของทุกช่วงเวลาที่ผ่านไปคือชีวิตของเราที่สูญเสียไป เราทุกคนเป็นเจ้าของเวลาเหล่านั้น แต่ใช่ว่าทุกคนจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเต็มที่ และมีความหมาย
ไม่มีใครรู้ว่าวันสุดท้ายของเราบนโลกใบนี้คือเมื่อไร อาจจะเป็น 10 ปีข้างหน้า 5 ปีหน้าข้าง 5 เดือนข้างหน้า หรือ 5 วันข้างหน้า ไม่มีใครรู้ และนั่นคือเหตุผลที่เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า และควรได้รับการใส่ใจ และปกป้อง
รู้ไหมครับ เมื่อจ็อบส์อายุ 17 ปี เขาได้อ่านประโยคหนึ่งที่ว่า “ถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันราวกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายของคุณ คุณจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
หลังจากอ่าน สิ่งที่จ็อบส์ทำทุก ๆ วันตลอด 33 ปี คือ เขาเดินไปที่หน้ากระจกแล้วมองหน้าตัวเอง พร้อมถามตัวเองว่า “ถ้าหากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ฉันจะยังทำสิ่งเหล่านี้อยู่หรือไม่” ถ้าคำตอบว่าไม่ติดต่อกันหลาย ๆ วัน แสดงว่ามีบางสิ่งไม่ปกติ เขารู้ว่าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
นี่คือประโยคที่ผมได้เห็นเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นผมก็ได้นำมาใช้เป็นปรัชญาที่ยึดถือในชีวิต และระลึกถึงมันอยู่ตลอดเวลา
“ใช้ชีวิตในแต่ละวันราวกับว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายของเรา”
ขอบคุณจ็อบส์ครับ
เคล็ดลับความสำเร็จข้อที่ 2 จงมีความหลงใหล
จ็อบส์เคยกล่าวไว้ว่า “ผู้ที่มีความหลงใหลสามารถเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้”
ครั้งหนึ่งเมื่อเขาถูกขอให้คำแนะนำให้กับผู้ประกอบการ เขาแนะนำว่า “ผมจะทำงานจนกว่าจะได้รู้ว่าตัวเองหลงใหลอะไรจริง ๆ ไม่เว้นแต่จะเป็นพนักงานเสิร์ฟหรือทำงานอะไรก็ตาม” หมายความว่าเขาแนะนำให้เราลองทำทุก ๆ อย่างให้มากที่สุด เพื่อจะได้รู้ว่าความหลงใหลของเราคืออะไร นั่นคือสิ่งที่มีความหมายกับเขา ความหลงใหลคือทุกสิ่ง
หลายคนมองว่าการมีความหลงใหลมันสำคัญขนาดไหนหรือ มันเวอร์เกินไปหรือเปล่า แต่สำหรับผู้ประกอบการ ผู้ประสบความสำเร็จ ถ้าปราศจากความหลงใหลเสียแล้ว ก็ยากที่ประสบความสำเร็จได้ เพราะเมื่อเราไม่ได้รักในสิ่งที่ทำ ก็ยากที่จะทำงานนั้นให้ออกมาดีเยี่ยม และแตกต่างจากคนอื่นได้
ลองคิดดูถ้าเราทำในสิ่งที่เราไม่ได้รัก แต่คนที่ทำเหมือนเราเขารักในสิ่งที่ทำ ใครจะไปได้ไกลกว่ากันครับ
ถ้าทุก ๆ เช้าเราตื่นนอนมาด้วยความรู้สึกว่าได้ทำบางสิ่งที่มีความสุข เมื่อมีความสุขเราย่อมจะตั้งใจทำมันให้ดี ให้ละเอียดที่สุด จึงทำให้มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า
ที่สำคัญที่สุด ถ้าเรารักในสิ่งที่ทำ การลงมือทำอย่างหนักทั้งหมดจะรู้สึกคุ้มค่า เพราะเราได้ผลลัพธ์ในทันทีที่ลงมือทำนั่นคือ ความสุข
จงค้นหาสิ่งที่เราหลงใหลที่แท้จริง ทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำเพื่อสร้างความแตกต่าง นี่เป็นสิ่งที่จ็อบส์ทำมาโดยตลอด
“มันยากจริง ๆ ที่ต้องทำบางอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นถ้าคุณไม่รัก ถ้าไม่สนุกที่จะทำ คุณจะยอมแพ้ และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่” สตีฟ จ็อบส์
เคล็ดลับความสำเร็จข้อที่ 3 คิดให้แตกต่าง
สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของสตีฟ จ็อบส์คือ การคิดที่แตกต่าง เขาเป็นคนที่คิดไม่เหมือนใคร ๆ พยายามทำ และมอบคุณค่าที่แตกต่างและใหม่ให้ลูกค้าอยู่เสมอ ที่เห็นชัดคือเขาใช้ชื่อแคมเปญว่า “Think Different” เพื่อใช้ขายสินค้าของ Apple ในปี 1997-2002 ซึ่งแคมเปญนี้เป็นส่วนหนึ่งสำคัญที่ทำให้บริษัท Apple เป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในตอนนี้
เป้าหมายของสินค้าหรือบริการใด ๆ คือการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า และมันคือสิ่งที่จ็อบส์ทำได้อย่างดี มันคือสิ่งที่ทำให้ Apple เป็นที่นิยมได้ขนาดนี้
จ็อบส์ไม่ได้ขายสินค้า แต่ขายความฝัน และอนาคต
เขาให้บริการลูกค้าด้วยวิธีการใหม่ ๆ ที่ดีกว่า และคิดเกี่ยวกับปัญหาและวิธีแก้มันอยู่เสมอก่อนที่พวกเราจะรู้ตัวเสียอีกว่ามันเป็นปัญหา
ตัวอย่างที่ดีคือ iPod ก่อนเปิดตัวในปี 2001 ผู้คนประสบปัญหาในการจัดระเบียบคอลเลกชันเพลง ดังนั้น Apple จึงสร้างทั้งระบบที่ช่วย

- ทำให้เก็บ 1,000 เพลงในกระเป๋าของคุณ
- สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดลงใน iPod ได้ภายใน 5-10 วินาที
- เปิดตัว iTunes ในปี 2003 ซึ่งสามารถซื้อเพลงที่ถูกกฎหมาย และฟังได้อย่างง่ายดาย
หากต้องการประสบความสำเร็จ ให้คิดและให้ทำให้แตกต่างเข้าไว้ เพราะทั้งสองนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่าง ทำให้เราหลุดออกจากค่าเฉลี่ย ซึ่งมีโอกาสที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนส่วนใหญ่
นวัตกรรมแยกความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้ตามออกจากกัน – สตีฟ จ็อบส์
เคล็ดลับความสำเร็จข้อที่ 4 เรียนรู้ให้มาก
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) เคยพูดไว้ว่า “ความคิดสร้างสรรค์คือ การเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ”
ซึ่งการจะสามารถเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ได้นั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความรู้ และข้อมูลที่มี ยิ่งมีมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ที่แตกต่างกันแล้วรังสรรค์เป็นสิ่งใหม่ ๆ ได้ ดังนั้นคนที่มีข้อมูล เรียนรู้มากกว่าคนอื่น จะทำให้เขาสามารถมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมักมองไม่เห็น
ในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเขาได้ลงเรียนวิชาอักษรวิจิตร (Calligraphy) ซึ่งเป็นวิชาเกี่ยวกับการเขียนตัวอักษร ตอนนั้นเขารู้สึกไม่ได้ประโยชน์อะไรจากวิชานี้เลย จนกระทั่ง 10 ปีให้หลัง เมื่อได้เริ่มสร้างเครื่องแมคอินทอช (Macintosh) ความรู้เหล่านั้นกลับได้นำมาใช้และเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จให้กับสินค้าของ Apple
เขาเคยพูดไว้ว่า “ถ้าผมไม่เคยเข้าเรียนวิชานั้น Mac ก็คงไม่มีอักษรที่หลากหลายแบบเช่นนี้”
นี่คือพลังสะสมความรู้ ดังเช่นคำพูดที่โด่งดังที่สุดข้อหนึ่งของเขาที่กล่าวไว้ในสุนทรพจน์งานรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดว่า “คุณไม่สามารถเชื่อมโยงจุดต่าง ๆ ด้วยการมองไปข้างหน้า แต่คุณสามารถเชื่อมโยงจุดเหล่านั้น เมื่อมองย้อนกลับไป” และยังกล่าวไว้ว่า “แนวคิดนี้ไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง เพราะมันสร้างความแตกต่างในชีวิตของผม”
เรียนรู้ให้มาก สะสมประสบการณ์ให้มาก และเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราเรียนรู้วันนี้ที่บางครั้ง อาจดูเหมือนจะไม่เป็นประโยชน์ สักวันหนึ่งมันอาจจะเชื่อมโยงกับบางสิ่งแล้วนำพาไปสู่ความสำเร็จก็ได้
มีอะไรใหม่ให้คุณเรียนรู้อยู่เสมอ! – สตีฟ จ็อบส์
เคล็ดลับความสำเร็จข้อที่ 5 แสวงหาความเรียบง่าย
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ Apple คือ การออกแบบที่เรียบง่าย เรียบหรู ซึ่งเหล่านี้มาจากอิทธิพลของสตีฟ จ็อบส์ที่เขาเชื่อเรื่องของ “ความเรียบง่าย” ว่ามันคือหัวใจของทุกอย่าง ซึ่งหลักการของความเรียบง่ายของผลิตภัณฑ์ Apple ไม่ใช่เรื่องของความเรียบง่ายที่ตื้น ๆ แต่เบื้องหลังของมันลึกซึ้ง และถูกคิดมาอย่างละเอียด และปราณีต
จ็อบส์เคยพูดไว้ว่า “ต้องทำงานอย่างหนักมาก เพื่อสร้างสิ่งที่เรียบง่าย”
ปรัชญาความเรียบง่ายเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะจ็อบส์ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกาย Zen ในช่วงปี 1970 เขาได้ศึกษา Zen จากพระสงฆ์ที่ชื่อว่า Kobun Otogawa ซึ่งจ็อบส์จะไปพูดคุยเรียนรู้ด้วยทุกอาทิตย์

ปรัชญาความเรียบง่ายนี้ค่อย ๆ ถูกหล่อหลอมเข้ากับเขาจนส่งอิทธิพลออกมาสู่ผลิตภัณฑ์ของ Apple ดังจะเห็นได้ในพาดหัวของโบรชัวร์การตลาดฉบับแรกของ Apple ที่ประกาศในปี 1977 ที่เลือกใช้คำพูดของ Leonardo Da Vinci ว่า “ความเรียบง่ายคือความซับซ้อนขั้นสูงสุด”
แต่ความเรียบง่ายนั้นเขาไม่ได้ใช้เฉพาะกับผลิตภัณฑ์เท่านั้น เขายังใช้กับชีวิตการทำงานด้วย ในปี 1997 เขาได้พูดว่าไว้ “สำหรับโปรแกรมเมอร์นั้นวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำไม่ใช่การเขียนโค้ดเข้าไปให้เยอะขึ้นในแต่ละวัน วิธีนั้นไม่ได้ผล แต่มันคือการลบโค้ดที่เขียนลงไปต่างหาก” หมายความความสำคัญไม่ใช่การทำให้มาก แต่มันคือการลบส่วนที่ไม่สำคัญออกต่างหากที่สำคัญ
การแสวงหาความเรียบง่าย และการทำให้น้อยเข้าไว้ จะทำให้จิตใจโล่งเบา ทำให้มีพลังโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญ
เคล็ดลับความสำเร็จข้อที่ 6 อย่าทำเพื่อเงิน
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) สร้างความมั่งคั่งได้มหาศาลตลอดชีวิตในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก แต่สำหรับจ็อบส์ เวลาทำงานเขาไม่เคยเกี่ยวกับเรื่องความร่ำรวย เงินทองเลย
เขาไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน แต่เขาทำเพราะต้องการเปลี่ยนโลก
ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดว่า “ตอนที่ผมอายุ 23 ปี ผมมีค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ และมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์เมื่ออายุ 24 ปี และมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์เมื่ออายุ 25 ปี แต่มันไม่สำคัญขนาดนั้น เพราะผมไม่เคยทำเพื่อเงิน” จ็อบส์กล่าวไว้กับรายการ PBS ในปี 1996
อันที่จริง เขายังพยายามตั้งใจหลีกเลี่ยงให้การจัดลำดับความมั่งคั่งของเขาจากการถูกสัมภาษณ์มากกว่า 40 ครั้งเพื่อใช้เขียนหนังสือที่ชื่อว่า สตีฟ จ็อบส์ ซึ่งเป็นหนังสือชีวประวัติของเขา และผู้สัมภาษณ์ยังบอกว่า แม้จ็อบส์จะร่ำรวยมหาศาล แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ชีวิตของเขาได้รับอิทธิพลจากความโลภและวัตถุนิยม
บ้านของเขาแสนเรียบง่าย ไม่มีรั้วรักษาความปลอดภัยขนาดใหญ่ เขาพยายามหลีกเลี่ยงวิถีชีวิตที่ฉูดฉาด ตามกระแส
“ผมได้สัญญากับตัวเอง ผมพูดว่า ฉันจะไม่ปล่อยให้เงินมาทำลายชีวิตฉัน” นี่คือสิ่งที่เขาเคยพูดไว้
สำหรับคนหนุ่มสาวที่เริ่มต้นอาชีพการงาน จ็อบส์ยังเคยให้คำแนะนำไว้ว่า “คุณต้องค้นหาสิ่งที่คุณรัก” เขากล่าวไว้ในงานรับปริญญาปี 2005 ที่สแตนฟอร์ด เขากล่าวต่อ “งานจะเติมเต็มชีวิตส่วนใหญ่ของคุณ และวิธีเดียวที่จะได้รับความพึงพอใจอย่างแท้จริงคือ ทำในสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันเป็นงานที่ยอดเยี่ยม” จ็อบส์อธิบาย “และวิธีเดียวที่จะทำงานที่ยอดเยี่ยมได้คือ รักในสิ่งที่คุณทำ”
“ถ้าคุณยังไม่เจอมัน ก็จงมองหาต่อไป อย่าหยุด แล้วคุณจะรู้ภายในหัวใจคุณเอง เมื่อคุณพบมัน”
แน่นอนว่าเงินเป็นสิ่งที่ดี และเปิดโอกาสมากมายให้เราได้ ดั่งที่จ็อบส์เคยพูดไว้ว่า “ผมคิดว่าเงินเป็นสิ่งที่วิเศษเพราะมันช่วยให้คุณทำสิ่งต่าง ๆ ได้” แต่กระนั้นเราก็ไม่ควรทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ด้านเงินล้วน ๆ อย่าให้เงินเข้ามาเป็นอิทธิพลหลักในการตัดสินใจทุกอย่าง แบ่งสัดส่วนออกมาไล่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขด้วย
ตลอดอาชีพการงานของจ็อบส์ เขาเลือกที่จะทำงานโดยยึดความหลงใหล ความรักมากกว่าวิ่งไล่ตามเงิน
เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับจ็อบส์
เคล็ดลับความสำเร็จข้อที่ 7 โฟกัส
ในฐานะสายตาคนนอก มันง่ายที่จะสรุปว่าสตีฟ จ็อบส์ เขาคงต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกันแน่ ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาได้ให้เครดิตความสำเร็จส่วนใหญ่ของเขาไว้กับเรื่องของทักษะการโฟกัส เช่น เหตุการณ์หลังจากจ็อบส์พาพนักงานระดับสูงของเขาไปพักผ่อนประจำปี ในวันสุดท้ายก่อนกลับ เขาจะยืนหน้ากระดานไวท์บอร์ดแล้วถามทุกคนว่า “10 สิ่งที่เราควรทำต่อไปคืออะไร?” นี่คือปรัชญาการทำงานของเขา
ครั้งหนึ่งอดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบของ Apple นามว่า Jony Ive เคยพูดเกี่ยวกับจ็อบไว้ว่า “สตีฟเป็นคนที่จดจ่อได้อย่างน่าทึ่งที่สุดที่ผมเคยพบเจอมาในชีวิต”

สำหรับเขาการโฟกัสเป็นเรื่องของความกล้าหาญที่จะละทิ้งความคิดดี ๆ เพื่อเหลือไว้เฉพาะสิ่งที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายได้
ในปี 1997 ในระหว่างการประชุมนักพัฒนาทั่วโลกของ Apple จ็อบส์ได้พูดไว้ว่า “คนคิดว่าการโฟกัสหมายถึงการตอบตกลงในสิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญ แต่นั่นไม่ใช่ความหมายมันเลย แต่การโฟกัสหมายถึงการปฏิเสธความคิดดี ๆ นับร้อยที่มีต่างหาก คุณต้องเลือกอย่างระมัดระวัง” นี่คือศิลปะแห่งการปฏิเสธ
เราทุกวันนี้มักถูกสอนคำว่า “ใช่” เป็นคำวิเศษ ที่จะนำไปสู่โอกาสต่าง ๆ แต่ปัญหาคือ เมื่อเราใช่กับทุกอย่าง มันจะทำเราไปสู่การทำที่มากเกินไป ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทำให้ความพยายามต่าง ๆ ของเราล้มเหลวแทนที่จะประสบความสำเร็จ ดังนั้น แทนที่จะพูดว่าใช่ ให้หัดพูดว่าไม่ แล้วหันไปโฟกัสในสิ่งที่มีความหมายแทนเพียงไม่กี่อย่าง
และไม่ใช่แค่ไม่กับคนอื่น แต่ไม่กับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตด้วย ดังที่สตีฟแนะนำไว้ “การตัดสินใจว่าจะไม่ทำอะไรสำคัญพอ ๆ กับการตัดสินใจว่าจะทำอะไร”
สิ่งเหล่านี้คือพลังของการโฟกัส เราต้องโฟกัสในสิ่งที่ถูกต้องสำคัญ และต้องมีความกล้าหาญที่ทิ้งส่วนไม่สำคัญออกไป
เคล็ดลับความสำเร็จข้อที่ 8 สื่อสารเก่ง
จ็อบส์เป็นหนึ่งในนักเล่าเรื่องที่เก่งมากที่สุดในโลก เขานำเสนอเรื่องราวเก่ง สื่อสารเก่ง โน้มน้าวผู้คนให้คอยตาม และตื่นเต้นไปกับสิ่งที่เขาต้องการได้
แทนที่เขาจะนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ออกมาง่าย ๆ เหมือนคนที่ส่วนใหญ่ทำ แต่ละครั้งที่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ เขาจะสร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้คนเสมอ เช่น เขามักจะแสร้งทำเป็นการนำเสนอจบลง และกำลังเดินกลับแล้วก็หันกลับมาพูดว่า “One more thing หรือ ยังมีอีกอย่าง…” ซึ่งเป็นประโยคที่เขาใช้บ่อยมาก แล้วก็ตามมาด้วยทีเด็ดที่เขาอยากจะนำเสนอ

เพราะเขารู้ดีว่าถึงแม้เราจะมีนวัตกรรมวิเศษแค่ไหน แต่ไม่สามารถทำให้ผู้คนตื่นเต้นกับมันได้ หรือมีสินค้าดีแค่ไหน แต่สื่อสารออกมาได้ล้มเหลว มันก็ไร้ประโยชน์
นี่คือหัวใจสำคัญความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ของ Apple ก็ว่าได้ จ็อบส์สร้างความคาดหวังและทำเกินความคาดหวังของผู้คนอยู่เสมอ เขาเปลี่ยนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ให้อยู่รูปแบบของศิลปะ และสิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนพร้อมหน้าพร้อมตาที่จะคอยดูงานเปิดสินค้าใหม่ของ Apple ทุก ๆ ปี และคอยทาย คอยเดากันว่า Apple จะมีอะไรใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นและส่งผลกระทบต่อยังไงต่อโลกไอที
เคล็ดลับความสำเร็จข้อที่ 9 มองอนาคต
สตีฟ จ็อบส์มองถึงอนาคตอยู่เสมอ เขาได้อธิบายความสำเร็จของ Apple ไว้ระหว่างงานเปิดตัว iPhone ปี 2007 ไว้ว่า “มีคำพูดเก่า ๆ ของ Wayne Gretzky ที่ผมชอบมากครับ “ผมเล่นสเกตเพื่อไปยังที่ที่มันควรจะเป็น ไม่ใช่ที่ที่มันเคยไป” และสำหรับพวกเรา Apple พยายามทำอย่างนั้นมาตลอดตั้งแต่เริ่มต้น และเราจะทำมันเสมอ” หมายความว่าเราต้องมุ่งหน้าไปข้างหน้า ที่ใหม่ ๆ ไม่ใช่ที่เก่า ๆ ที่คุ้นเคย
สตีฟ จ็อบส์ต้องการโน้มน้าวทุกคนที่ Apple ให้ใช้ชีวิตด้วยการมองถึงอนาคตที่เป็นไปได้อยู่เสมอ
วันหนึ่งจ็อบส์ได้บ่นกับทีมงานผู้เป็นวิศวกรระบบ OS ของ Macintosh ว่ามันใช้เวลาในการบูตเครื่องนานเกินไป ซึ่งวิศวกรคนนั้นพยายามอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงลดเวลาบูตไม่ได้ แต่จ็อบส์กลับตัดบทเขาแล้วพูดประโยคทองว่า “ถ้ามันสามารถช่วยชีวิตคนได้ คุณช่วยหาวิธีที่จะลดเวลาบูตเครื่องสัก 10 วินาทีได้ไหม?” จากนั้นเขาอธิบายต่อว่า “ตอนนี้มีผู้ใช้งาน 5 ล้านคน และถ้าพวกเขาใช้เวลาเพิ่ม 10 วินาทีในการเปิดเครื่องทุกวัน แสดงว่าผู้คนต้องใช้เวลาเพิ่มรวม 300 ล้านชั่วโมงต่อปี”
หลังจากวันนั้น 2-3 อาทิตย์ต่อมา วิศวกรคนนั้นก็ทำให้เครื่องสามารถบูตเร็วขึ้นถึง 28 วินาที ซึ่งเกินกว่าที่จ็อบส์ขอไว้
นี่คือพลังวิสัยทัศน์ของจ็อบส์ เขาทำให้วิศวกรคนนั้นมองเห็นภาพแห่งความเป็นไปได้ เพื่อดึงศักยภาพที่แท้จริงออกมา แล้วในที่สุดมันก็สามารถเกิดขึ้นจริง
แต่ความสามารถนี้ไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะเกิดขึ้นได้ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่จ็อบส์สะสมมาค่อย ๆ เชื่อมองค์ความรู้ต่าง ๆ เข้ามารวมกัน จึงทำให้เขาสามารถมองไปยังอนาคตและความเป็นไปได้ที่ลึกซึ้งกว่าคนอื่น ๆ
และมันคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงเป็นหนึ่งในผู้สร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถส่งผลกระทบต่อผู้คนมหาศาลบนโลกใบนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น Mac, iPod, iPhone และ iPad
ดังนั้น สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากจ็อบส์คือ ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมองภาพอนาคต และตอบสนองสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีมากขึ้นเท่านั้น
จงฝึกฝนการคิดไปถึงอนาคต มีวิสัยทัศน์
เคล็ดลับความสำเร็จข้อที่ 10 จงอยู่อย่างหิวกระหายและโง่เขลา
“Stay hungry, Stay foolish” ประโยคทองนี้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายตอนปี 2005 ซึ่งเขาได้ให้แนะนำในพิธีรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

เขาบอกผู้จบการศึกษาให้มีความฝัน ให้เต็มไปด้วยความคิดที่ยิ่งใหญ่ ผลักดันตัวเอง ปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ อย่าพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ และไม่มีคำว่าดีพอ
เขาเล่าว่าเมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขาทำให้ตัวเองหิวกระหายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกระหายในความรู้ การผจญภัย การทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และยังเน้นย้ำว่าจงทำตัวโง่เขลาที่จะเดินตามความฝันแม้มันจะดูเป็นไปไม่ได้ก็ตาม จงคิดบวก มีความหลงใหล และเพียรพยายาม และอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง และที่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมีความกล้าหาญที่จะทำตามหัวใจและสัญชาตญาณของตัวเอง
ไม่ว่าคุณจะทำอะไรในชีวิต จงแน่ใจว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่คุณรักจริง ๆ และสิ่งที่คุณอยากทำตลอดชีวิตที่เหลือของคุณ
เดินตามความฝันที่ดูโง่เขลาและพยายามให้เต็มที่เพื่อทำให้มันกลายเป็นความจริง
จำไว้ว่าคุณมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่เท่ากับความฝันของคุณ เชื่อในความคิดที่ดูเหมือนบ้า ๆ บอ ๆ ของคุณ และกุญแจสู่ความสำเร็จคือความพากเพียรและความดื้อรั้น
นี่คือสิ่งที่จ็อบส์อยากฝากให้ผู้จบการศึกษา และผู้คนทั่วโลก
“Stay Hungry, Stay Foolish”
บทสรุป
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสตีฟ จ็อบส์ คือบุคคลที่เป็นตำนานและจะถูกจดจำไปอีกนาน สิ่งที่ทำให้เขาเป็นตำนานได้ขนาดนี้ ผมคิดว่ามี 2 ข้อ คือ เขามีวิสัยทัศน์ที่เฉียบคม และเขามีความใฝ่ฝันที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้ และเขาก็ทำมันได้อย่างนั้นจริง ๆ
สรุปทั้ง 10 เคล็ดลับความสำเร็จของสตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
- ชีวิตมันสั้น อย่าเสียเวลาใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น
- จงมีความหลงใหล
- คิดให้แตกต่าง
- เรียนรู้ให้มาก
- แสวงหาความเรียบง่าย
- อย่าทำเพื่อเงิน
- โฟกัส
- สื่อสารเก่ง
- มองอนาคต
- จงอยู่อย่างหิวกระหายและโง่เขลา
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับเคล็ดลับความสำเร็จทั้ง 10 ข้อของสตีฟ จ็อบส์ ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การรู้สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางสู่ความสำเร็จของเราได้
หวังว่าเพื่อน ๆ จะสามารถนำข้อคิด เคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตตัวเองและทำให้ชีวิตพัฒนาขึ้น และมีความหมายมากยิ่งขึ้น
แล้วพบกันที่ปลายทางของความสำเร็จครับ! 💪
Leave a Comment