การคิดบวกคืออะไร 10 วิธีเสกตัวเองให้คิดบวกเพื่อประสบความสำเร็จและความสุขในชีวิต

การคิดบวกคืออะไร? วิธีคิดบวก เพื่อสำเร็จและมีความสุขในชีวิต

ในยุคที่ทุกอย่างดูจะเป็นเรื่องยากลำบาก จนทำให้หลายคนท้อแท้กับชีวิต ทำให้ผู้คนเริ่มโหยหาสิ่งที่จะมาเยียวยาจิตใจตนเอง แนวคิดเรื่อง “การคิดบวก” จึงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะบนหนังสือ บนโซเชียล มีเดีย เราก็จะเห็นคำว่า “คิดบวก คิดบวก คิดบวก” เต็มไปหมด

ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ใครสนใจ อย่าลืมไปติดตามกันได้นะครับ : ) 🙏
blank
ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ถ้าเพื่อน ๆ กดติดตาม ผมจะรู้สึกดีมากครับ
blank

การคิดบวกสำคัญขนาดไหนเลยเหรอ? มันสามารถช่วยชีวิตเราได้ขนาดนั้นเลยเหรอ? 

หลายคนคงเคยตั้งคำถามแบบนี้ 

ถ้าจะบอกว่า “การคิดบวก” เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จทุกด้านของชีวิตก็คงได้

แน่นอนว่าเราไม่สามารถนั่งเฉย ๆ แล้วคิดบวกเกี่ยวกับความสำเร็จโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร แล้วคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จหรือชีวิตดีขึ้นได้ 

แต่ผลการวิจัยพบยืนยันแล้วว่า อารมณ์เชิงบวกสามารถช่วยให้งาน สุขภาพ และภาพรวมของชีวิตดีขึ้นได้ และอารมณ์เหล่านี้แหละครับ ที่จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้เราประสบความสำเร็จได้

และไม่ว่าตอนนี้ คุณต้องการอะไร 

บางทีอาจต้องการเริ่มเดินตามความฝัน เริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง เปลี่ยนงาน เริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ปรับปรุงความสัมพันธ์เดิม หาวิธีรับมือกับความผิดหวัง ความพ่ายแพ้ ความเจ็บปวด หรือบางทีแค่ต้องการรู้สึกมีความสุขมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม การคิดบวกสามารถช่วยคุณได้ครับ 😊

การคิดบวกคืออะไร?

การคิดบวก มองโลกในแง่บวก หรือที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Optimism” คำนี้มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินที่หมายถึง "ดีที่สุด เจ๋งที่สุด (Best)” จึงหมายถึง การคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากสถานการณ์ใด สถานการณ์หนึ่ง หรือการมองหาแง่มุมที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา

เรามาเรามาเริ่มด้วยการรู้จักรากศัพท์ของคำว่าการบวกกันก่อนนะครับ แล้วเราจะเข้าใจมันมากยิ่งขึ้น

การคิดบวก มองโลกในแง่บวก หรือที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Optimism” คำนี้มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินที่หมายถึง “ดีที่สุด เจ๋งที่สุด (Best)” การคิดบวก จึงหมายถึง การคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากสถานการณ์ใด สถานการณ์หนึ่ง หรือการมองหาแง่มุมที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา

พูดง่าย ๆ ก็คือ การมองโลกในมุมที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจมากที่สุด แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม

“การคิดบวกเป็นมากกว่าความคิดที่เรามี แต่มันเป็นแนวทางการใช้ชีวิต”

แต่แม้การคิดบวกจะเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ยังเป็นสิ่งที่หลายคนเข้าใจความหมายมันผิดเยอะ เช่น มองว่าคิดบวกคือ พวกโลกสวย ซึ่งความจริงไม่ใช่นะครับ 

การคิดบวกกับการคิดแบบโลกสวยแตกต่างกัน คนที่คิดบวกคือคนที่เข้าใจว่าจะต้องปรับมุมมองต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นยังไงที่จะทำให้ตัวเองได้ประโยชน์ในทางที่ดีที่สุด ส่วนคนที่มองโลกสวยคือ คนที่ยังอ่อนต่อโลก เชื่อทุกอย่างว่าดีงามบริสุทธิ์

ยกตัวอย่างเช่น เวลาอกหัก คนที่คิดบวกจะปรับความคิดว่า “โอเค มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ยอมรับว่าเสียใจ แต่ชีวิตก็ต้องก้าวเดินต่อไป” ส่วนคนที่มองโลกสวย “ทำไมเขาถึงทิ้งฉัน ฉันดีกับเขามากขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม”

คนที่คิดบวก “อยู่บนพื้นฐานของความจริง” คนที่โลกสวย “อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ”

แล้วทำไมเราต้องคิดบวก?

อย่างที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ “เราเป็นอย่างที่เราคิด ทุกสิ่งที่เราเป็นเกิดขึ้นจากความคิดของเรา เราสร้างโลกจากความคิด”

คนที่มองโลกในแง่บวก เข้าใจสิ่งนี้ดี

ความคิดของเราส่งผลต่อการกระทำ และการกระทำก็จะนำไปสู่ผลลัพธ์คือ ประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งในด้านการงาน ความสัมพันธ์ และชีวิต 

ความคิดมีส่วนในการกำหนดค่านิยมและความเชื่อ ส่งผลต่อคุณภาพของชีวิตและมุมมองที่เรามีต่อโลกโดยรวม

จึงสรุปได้ว่า ความคิดคือต้นต่อของชีวิต เราคิดเช่นไร เราก็จะเป็นและได้รับอย่างที่คิด

สถานการณ์เดียวกัน มีความคิดต่อสถานการณ์นั้นที่แตกต่างกัน ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นก็ย่อมต่างกัน

กระบวนการคิดบวก
ขอบคุณภาพจาก live and learn consultancy
  1. ความคิด กำหนด ความเชื่อ 
  2. ความเชื่อ ส่งผลต่อ ความรู้สึก 
  3. ความรู้สึก กระตุ้น การกระทำ 
  4. การกระทำ อิทธิพลต่อ ความคิด

วงจรทำลาย : คิดเชิงลบ > ความเชื่อเชิงลบ > ความรู้สึกเชิงลบ > การกระทำเชิงลบ > ความคิดเชิงลบ

วงจรสร้างสรรค์ : คิดเชิงบวก > ความเชื่อเชิงบวก > ความรู้สึกเชิงบวก > การกระทำเชิงบวก > ความคิดเชิงบวก 

วงจรเหล่านี้จะติดตัวเราไปทั้งชีวิต กลายเป็นวิถีชีวิตที่เราใช้ การคิดบวกจึงเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ

ดังนั้น สิ่งที่คุณคิดคือสิ่งที่คุณทำ สิ่งที่คุณทำคือสิ่งที่คุณเป็น จงเลือกคิดอย่างชาญฉลาด

เรามีสองทางเลือกที่จะคิดเวลาเจอกับสถานการณ์ใดก็ตาม คิดบวกหรือคิดลบ ทางเลือกเป็นของเราครับ

คุณคิดบวกแค่ไหน ลองทำสิ่งนี้?

คุณคิดบวกแค่ไหน ลองทำสิ่งนี้?

คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นคนคิดลบหรือคุณเป็นคนคิดบวกมากกว่ากัน?

ลองตอบคำถาม 10 ข้อนี้ (ข้อมูลนี้ผมได้มาจากหนังสือที่ชื่อว่า Positive Thinking ของ Gill Hasson นะครับ)

1. หากใครบางคน เช่น เพื่อน สมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน บอกว่ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องการคุยกับคุณ คุณคิดว่า?

  1. ฉันสงสัยว่าสิ่งนี้เกี่ยวกับอะไร?
  2. ฉันสงสัยว่าปัญหาคืออะไร? ฉันได้ทำอะไรผิด?

2. คุณได้วางแผนเที่ยววันหยุด แต่มีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนวันหยุด คุณคิดว่า?

  1. ฉันจะแก้ไขอย่างไรดี? มีทางเลือกอะไรบ้าง?
  2. ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นกับฉันเสมอเลย แผนเที่ยววันหยุดของฉันพังหมด จบกัน

3. เมื่อมีคนชื่นชมการทำงานของคุณ คุณจะตอบเขาว่า?

  1. พูดขอบคุณ และรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่ฉันทำ
  2. พูดขอบคุณ แต่บอกว่าฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก แล้วบอกพวกเขาเกี่ยวกับแง่มุมที่ไม่ค่อยดีนัก

4. คุณทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ในการทำแบบทดสอบ คุณคิดว่า?

  1. ฉันเยี่ยมมาก! สมกับที่ฉันทุ่มเท
  2. ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ฉันคงฟลุกแหละ

5. คุณต้องไปถึงที่ทำงานเวลา 9.00 น. ขณะนี้เป็นเวลา 8:45 น. และคุณยังอยู่ในรถ และรถติดมาก คุณคิดว่า?

  1. ต้องโทรไปบอกที่ทำงานว่าอาจจะสาย และบอกตัวเองว่าอย่างน้อยการประชุมที่สำคัญยังไม่ถึงเวลา
  2. ฉันไม่น่าใช้เส้นทางนี้เลย! วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุด

6. คุณสะดุดและข้อเท้าพลิก คุณคิดว่า?

  1. ไม่นะ! แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยฉันก็ไม่ข้อเท้าหัก และยังเดินได้
  2. นั่นไง! ฉันรู้ว่าวันนี้ฉันไม่ควรแอบหนีงาน ฉันคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ มันเป็นการลงโทษฉัน

7. บริษัทของคุณวางแผนที่จะเลิกจ้างพนักงานจำนวน 10% ปฏิกิริยาของคุณต่อข่าวนี้?

  1. ฉันจะเริ่มคิดว่าฉันจะทำอะไรต่อไป ฉันจะเริ่มค้นหาว่ามีโอกาสหางานอื่น ๆ ไหม
  2. ต้องเป็นฉันแน่ ๆ มันไม่ยุติธรรมเลย

8. เมื่อคุณอ่านโพสต์ในโซเชียลมีเดียของเพื่อน ๆ ดูเหมือนว่าทุกคนมีชีวิตที่ดี คุณคิดว่า?

  1. มันดีสำหรับพวกเขา!
  2. ฉันรู้สึกผิดหวังกับตัวเอง พวกเขาทำไมดูมีชีวิตที่ดีกว่าฉัน

9. ถ้าคุณมีเรื่องจำเป็นต้องปฏิเสธไปงานสำคัญกับเพื่อนแล้วรู้สึกผิด คุณจะ? 

  1. คิดหาวิธีชดเชย นัดวันไปทานข้าว พาไปเที่ยว
  2. ฉันรู้ว่าเธอคงโกรธฉัน ฉันจึงหลีกเลี่ยงเธอจนให้แน่ใจว่าเธอลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

10. คุณทำงานเป็นนักขาย คุณเคยคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ชอบ แต่ตอนนี้มันทำให้คุณเบื่อ จึงอยากเปลี่ยนงาน คุณคิดว่า?

  1. ฉันต้องรีบทำเรซูเม่เพื่อยื่นไปสมัครตำแหน่งที่ฉันสนใจ
  2. ฉันลังเล กังวลว่าถ้าออก ฉันจะได้งานดีแบบนี้ไหม มันต้องเป็นการตัดสินใจที่ผิดแน่ ๆ

หากคุณตอบเป็นส่วนใหญ่ข้อ 1 คุณเป็นคนคิดบวกมากกว่าคิดลบ และหากคุณตอบเป็นส่วนใหญ่ข้อ 2 คุณเป็นคนคิดลบมากกว่าคิดบวก
ข้อ 2 เป็นการสะท้อนถึงความคิดในมุมแคบ ๆ ที่ปิดกั้นโอกาสและความเป็นไปได้ ส่วนข้อ 1 คำตอบสะท้อนความคิดกว้างที่เปิดรับโอกาสและความเป็นไปได้

พลังของการคิดบวก

มีการทดลองหนึ่งเกี่ยวกับอารมณ์และจิตวิทยาเชิงบวกของนักจิตวิทยาสังคมชาวอเมริกัน เธอชื่อว่า Barbara Fredrickson ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อารมณ์เชิงบวกนำไปสู่พฤติกรรมที่สร้างสรรค์มากขึ้น

เธอได้ทำการทดลองผลกระทบของอารมณ์เชิงบวกที่มีต่อสมองและการกระทำด้วยการแบ่งคนออก 5 กลุ่ม และให้คลิปวิดีโอที่แตกต่างกัน

  • กลุ่มที่ 1 และ 2 ได้ดูคลิปที่สร้างอารมณ์เชิงบวก โดยกลุ่มที่ 1 เป็นคลิปที่ทำให้รู้สึกปิติ มีความสุข และกลุ่มที่ 2 เป็นคลิปที่ทำให้รู้สึกพึงพอใจ 
  • กลุ่มที่ 3 ให้ดูคลิปที่กลาง ๆ ไม่ทำให้เกิดอารมณ์อะไรที่มีนัยยะ
  • กลุ่มที่ 4 และ 5 ได้ดูคลิปที่สร้างอารมณ์เชิงลบ โดยกลุ่มที่ 4 เป็นคลิปที่สร้างให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัว และกลุ่มที่ 5 เป็นคลิกที่สร้างให้เกิดความรู้สึกโกรธ

หลังจากนั้น เธอได้ขอให้ผู้เข้าร่วมทดลองแต่ละคนจินตนาการว่าตนเองอยู่ในสถานอย่างคลิปวิดีโอที่ดู แล้วให้ผู้เข้าร่วมทดสอบเขียนสิ่งที่พวกเขาจะทำ เมื่ออยู่ในอารมณ์ที่คล้ายคลึงตอนดูคลิปวิดีโอ โดยมอบกระดาษที่เขียนขึ้นต้นประโยค “ฉันอยากจะ ……………” 

ผลปรากฏว่า ผู้เข้าร่วมกลุ่ม 4 และ 5 ที่ได้ดูวิดีโอที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัวและโกรธ เขียนสิ่งที่จะทำออกมาได้น้อยที่สุด ในขณะเดียวกัน กลุ่ม 1 และ 2 ที่ดูวิดีโอที่ทำให้รู้สึกมีความสุขและพอใจ ได้เขียนสิ่งที่พวกเขาจะทำออกมาได้จำนวนเยอะกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ 3 แล้วก็ตาม

การทดสอบนี้หมายความว่ายังไง หมายความว่า เมื่อเรากำลังประสบกับอารมณ์เชิงบวก เช่น ความสุข ความพอใจ หรือความรัก เราจะมองเห็นความเป็นไปได้ในชีวิตมากขึ้น 

ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า “อารมณ์เชิงบวก จะขยายความรู้สึกของความเป็นไปได้ มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ช่วยให้เราเปิดใจและเพิ่มโอกาสให้มีทางเลือกในการตัดสินใจมากขึ้น”

การมองโลกในแง่ดีเรียนรู้ได้ไหม?

จากการทดสอบของ Dr. Martin Seligman นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้งศาสตร์จิตวิทยาเชิงบวก เขาพิสูจน์ให้เห็นว่า คนเราสามารถเรียนรู้ที่จะมองโลกในแง่ดีได้

โดยเขาทำงานร่วมกับทีมงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียสร้างโปรแกรมที่ชื่อว่า Penn Prevention Program เพื่อรักษาผู้ป่วยที่ยังเป็นเด็กแต่แสดงอาการซึมเศร้าหรือมีครอบครัวมีปัญหา ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เด็กเหล่านั้นเกิดภาวะซึมเศร้า

โปรแกรมนี้ได้สอนให้เด็ก ๆ รู้เทคนิคการเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากด้วยการมองโลกในแง่ดี 

หลังจากจบการรักษา พวกเขาพบว่า จำนวนผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะซึมเศร้าที่รุนแรงลดลงถึง 35% ซึ่งยังไม่จบเท่านั้น ผ่านไปอีก 2 ปี พวกเขาทำการตรวจอีกครั้ง พบว่าเด็กกลุ่มนี้ไม่มีอาการซึมเศร้าแบบรุนแรงอีกเลย

การรักษานี้แสดงให้เราเห็นว่า มนุษย์เราทุกคนสามารถเรียนรู้ที่จะมองโลกในแง่ดีได้ เพียงแค่รู้เทคนิคและฝึกฝน 

10 วิธีฝึกช่วยให้คุณคิดบวก 💪

10 วิธีเสกตัวเองให้คิดบวกเพื่อประสบความสำเร็จและความสุขในชีวิต

ต่อไปนี้คือเคล็ดลับฝึกวิธีคิดบวก 10 อย่างที่จะช่วยให้เราฝึกสมองให้คิดบวกได้

1

ยิ้มให้มาก

ในการศึกษาวิจัย ผู้ที่ยิ้ม (หรือแม้แต่แกล้งยิ้ม) ระหว่างที่ทำงาน แม้จะเครียด แต่จะทำให้รู้สึกเป็นบวกมากกว่าคนที่แสดงสีหน้าปกติ 

เราจะได้รับประโยชน์มากขึ้น หากรอยยิ้มของเราออกมาจากใจจริง ๆ

แต่สำหรับคนที่ยิ้มไม่เก่ง การยิ้มเป็นทักษะที่ฝึกฝนกันได้ ลองมองหาสิ่งของ เช่น เปิด YouTube ดูอะไรตลก ๆ ที่ช่วยให้เรายิ้มได้ หรือไปพูดคุย ไปเจอคนที่ทำให้เรายิ้มได้บ่อย ๆ หรืออาจจะนั่งแล้วคิดเรื่องที่ทำให้เรายิ้ม แล้วยิ้มไปกับความคิดนั้นก็ได้

แล้วเราจะพบว่า ชีวิตเราจะมีความสุข เบิกบานกับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นมาก (อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวด้วยครับ) 

2

คุยกับตัวเองในแง่บวก

นิสัยหนึ่งที่สำคัญมากต่อการคิดบวกคือการเลือกใช้คำที่จะพูดกับตัวเอง

ทั้งการเปล่งคำพูดกับตัวเองและการพูดในใจ จะส่งผลอย่างมากต่อวิธีคิดและส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของเรา 

แม้จะเป็นแค่วิธีดูจะง่าย ๆ แต่มันสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตเราได้อย่างมหาศาล เช่น อย่าพูดว่า “ฉันไม่มีวันทำได้หรอก” ให้พูดว่า “ฉันทำได้ ถ้าฉันฝึกฝนมากพอ” หรือ “วันนี้ เป็นวันที่แย่มาก!” ให้พูดว่า “ถึงจะแย่ แต่มันก็มีส่วนดี ๆ นะ” 

ในหนังสือ Kiss That Frog ผู้เขียน Brian Tracy ได้เขียนไว้ว่า “อารมณ์ของคุณมากถึง 95% ถูกกำหนดโดยวิธีที่คุณพูดคุยกับตัวเองในแต่ละวัน” (ใครอยากอ่านสรุปหนังสือเล่มนี้ ผมได้ทำสรุปไว้ อ่านได้ที่นี่ สรุปหนังสือ Kiss That Frog)

ดังนั้นเพียงแค่เปลี่ยนคำพูด ความรู้สึก อารมณ์ที่เรามี ก็จะเปลี่ยนทันที  

ตั้งแต่วันนี้ จงสัญญากับตัวเองว่า จะพยายามไม่พูดคำที่ลบต่อตัวเองตั้งแต่ตื่นไปจนถึงเข้านอนเด็ดขาด 

3

เริ่มต้นทุกวันด้วยสิ่งดี ๆ

เราต้องมีสร้างกิจวัตรที่ส่งเสริมการคิดบวกตั้งแต่หลังตื่นนอน ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่เราสามารถทำได้

  • ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
  • บอกตัวเองว่า “วันนี้มันจะเป็นวันที่ดี” 
  • ฟังเพลงหรือเพลย์ลิสต์เพลงหรือวิดีโอสร้างแรงบันดาลใจที่ชื่นชอบ
  • ทักไปอรุณสวัสดิ์ใครสักคน อาจจะเป็นแฟนหรือเพื่อนสนิท
  • เล่นกับน้องแมว น้องหมา
  • หยิบหนังสือแล้วอ่านสักหน้า สองหน้า
  • ถ้ามีแฟน ให้กอดแฟนแน่น ๆ แล้วบอกรัก

อีกเคล็ดลับหนึ่งที่ผมใช้ส่วนตัว และได้ผลมาก อยากนำมาแบ่งปันคือ ให้เราตั้งนาฬิกาปลุกเป็นเสียงที่ฟังแล้วจะทำให้เรานึกถึงสิ่งที่เราฝันหรือความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ทำให้มีพลัง

4

คลุกคลีกับคนที่เหมาะสม

ถ้าอยากเรามีความคิดที่บวก วิธีนี้จะช่วยทรงพลังที่สุดคือ ไปอยู่คลุกคลีกับกลุ่มคนที่คิดบวก มองโลกในแง่ดี มีเป้าหมายในชีวิต ขณะเดียวก็ให้ถอยห่างคนที่คิดลบ มองโลกในแง่ร้ายเข้าไว้

กิ้งก่ามีธรรมชาติอย่างหนึ่ง มันจะเปลี่ยนสีไปตามสิ่งแวดล้อมข้าง มนุษย์เราก็เช่นกันครับ เราจะรับเอาทัศนคติ พฤติกรรม ค่านิยม ความเชื่อต่าง ๆ นานา จากคนที่เราคลุกคลีอยู่ด้วย 

“คุณจะยังเป็นคนเดิม ในอีกห้าปีข้างหน้าหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคนที่คุณเลือกคบ และหนังสือที่คุณเลือกอ่าน – ชาร์ลี โจนส์”-  Charlie Jones

5

ฝึกรู้ทันความคิดลบ 

เป็นธรรมดาที่เรามักจะคิดลบ เพราะเป็นธรรมชาติของสมองเราจะไวต่อสิ่งที่เป็นลบ ๆ ซึ่งเป็นกลไกไว้ปกป้องเรา แต่สิ่งเหล่านี้เราสามารถฝึกฝนได้ เมื่อเราฝึกฝนแล้วความคิดลบ ๆ จะค่อย ๆ ลดน้อยลง

ลองฝึกแบบนี้ ถ้ามีความคิดลบขึ้น ให้เปลี่ยนสิ่งสนใจทันที ใช้เทคนิค “ขีด” คือ ถ้าความคิดลบเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ให้ขีด 1 ขีดลงกระดาษ ถ้าคิดลบอีก ก็ขีดเพิ่มเป็น 2 ขีด ไปเรื่อย ๆ จนหมดวัน เมื่อเราทำบ่อยขึ้นทุก ๆ วัน ไม่นาน เราจะเห็นว่าจำนวนขีดจะน้อยลงเรื่อย ๆ นี่คือสิ่งที่ผมทำแล้วได้ผลกับตัวเองครับ ลองนำเทคนิคนี้ไปใช้ดูนะครับ

6

ฝึกขอบคุณทุกวัน

การฝึกการขอบคุณ จะช่วยลดความเครียด เพิ่มความนับถือในตนเอง และช่วยรับมือในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

วิธีฝึก ในแต่ละวันลองนึกถึงผู้คน ช่วงเวลา หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจ รู้สึกดี และรู้สึกมีความสุข แล้วพยายามแสดงความรู้สึกขอบคุณซาบซึ้งอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง อาจจะเป็นการขอบคุณเพื่อนร่วมงาน คนรัก พ่อแม่ อาหารที่เรากิน ไอศกรีมแสนอร่อย สถานที่ที่เราไป หรือน้องแมวที่เราเลี้ยง ขอบคุณพวกเขาที่อยู่ตรงนี้ ขอบคุณในความรักที่มอบให้ (และอย่าลืมขอบคุณตัวเองด้วยนะครับ เช่น วันนี้เธอทำได้ดีมากนะ ขอบคุณนะ)

7

เสพสิ่งบวก

ร่างกายของเราจะแข็งแรงก็ต่อเมื่อ เราป้อนอาหารที่ดีต่อสุขภาพและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สมองของเราก็เช่นกัน มันจะแข็งแรงได้ก็ต่อเมื่อเราหล่อเลี้ยงมันด้วยข้อมูลที่บวกและมีประโยชน์ เช่น การอ่านหนังสือ การดูวิดีโอสร้างแรงบันดาลใจ หรือการพูดคุยกับคนที่เป็นไอดอลเรา

ซึ่งข้อมูลที่เราเสพมันไม่ได้จบเมื่อเสพเสร็จนะครับ มันยังฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเรา เวลาเราเผชิญสิ่งต่าง ๆ จิตสำนึกนี้จะดึงข้อมูลเหล่านี้มาใช้ ช่วยให้เราตัดสินใจหรือทำอะไรที่เป็นบวกมากขึ้น

8

ท่องประโยคบวก

เราสามารถทำให้ตัวเองคิดบวกได้เพียงแค่ท่องประโยคได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและได้การยอมรับกันทั่วโลกที่เรียกว่า Affirmation 

เพราะเมื่อเราบังคับป้อนประโยคบวก ๆ มันจะกระตุ้นให้สมองบันทึกประโยคเหล่านี้ไว้ และเมื่อถึงเวลาที่มีสถานการณ์ใกล้เคียงกับประโยคเหล่านี้ เราจะดึงประโยคเหล่านี้มาจากความทรงจำโดยอัตโนมัติ เช่น เราท่องกับตัวเองเสมอว่า “ฉันเป็นคนคิดบวก ฉันเป็นคนคิดบวก ฉันเป็นคนคิดบวก” พอเจอสถานการณ์อะไรที่ทำให้เราคิดลบขึ้นมา ความทรงจำเกี่ยวกับประโยคนี้ก็จะโผล่ขึ้นมาทันที ไม่สิ ฉันเป็นคนคิดบวก ดังนั้น การคิดลบแบบนี้ไม่ใช่ฉัน

วิธีฝึกให้เริ่มเขียนประโยคที่เข้าเงื่อนไข 3 ข้อนี้ คือ เป็นบวก อยู่ในรูปปัจจุบัน และใจเต้นแรง เช่น วันนี้ ฉันจะเก่งขึ้นกว่าตัวฉันเวอร์ชันเมื่อวาน หรือ วันนี้ฉันเปลี่ยนโลกนี้ให้ดีขึ้นได้ แล้วท่องมันทุกวัน ยิ่งบ่อย ยิ่งดี 

9

ดูวิดีโอที่ทำให้รู้สึกบวก

เราสามารถสร้างอารมณ์เชิงบวกในแต่ละวันด้วยการดูวิดีโอที่ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดี เช่น ผมเวลาเครียดตอนทำงาน หรือขาดแรงบันดาลใจ ผมจะเปิดดู YouTube แล้วดูคลิปที่เกี่ยวกับสัตว์น่ารัก ๆ น้องแมว น้องหมา หรือดูนักร้องที่ตัวเองชอบ ซึ่งมันช่วยได้มาก ๆ ช่วยปรับอารมณ์ให้รู้สึกดี รู้สึกบวกได้ในทันที อยากให้ทุกคนลองใช้วิธีนี้ดู

10

จูนความคิด

เมื่อมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้น ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของเรา แทนที่เราจะอารมณ์เสีย เครียด จมไปกับมัน ให้เราตั้งสติแล้วพยายามเสาะหาส่วนที่ดีของสถานการณ์นี้

เช่น เมื่อเจอรถติด แทนที่จะเครียด ให้จูนความคิดใหม่ว่า เยส เราได้มีเวลาอยู่ในรถ ฟังพอดแคสต์พัฒนาตนเองเพิ่มแหนะ หรือในเมื่อเราควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว เสียเวลาเปล่าจะไปหงุดหงิดกับมัน เปิดเพลงที่ชอบฟังดีกว่า

หรือเมื่อมีคนไม่ชอบเรา แทนที่เราจะไปคิดมากกับคนนั้น ให้จูนความคิดใหม่ว่า “โลกนี้ไม่มีใครชอบเราทั้งหมดได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้ อันที่จริง ขอแค่ไม่กี่คนที่รักเรา แคร์เราก็พอแล้ว”

คำคมคิดบวกสร้างแรงบันดาลใจ 😍

1. “ความคิดเชิงบวกเพียงเล็กน้อย สามารถเปลี่ยนทั้งวันของคุณได้” — Zig Ziglar

2. “หากคุณคิดบวก คุณจะเห็นโอกาสแทนอุปสรรค” — Widad Akrawi

3. “จงเปลี่ยนทุกสถานการณ์ในชีวิตให้เป็นบวก” — Rhonda Byrne

4. “การกระทำในเชิงบวกของคุณรวมกับการคิดเชิงบวก ส่งผลให้ประสบความสำเร็จ” — Shiv Khera

5. “คุณเป็นคนเดียวที่สามารถควบคุมวิธีคิดของคุณได้ จงแน่ใจว่าคุณได้หล่อเลี้ยงความคิดเชิงบวก และกำจัดความคิดเชิงลบออกไป!” — Catherine Pulsifer


6. “การมองภาพตนเองในเชิงบวกและเข้มแข็งเป็นการเตรียมตัวที่ดีที่สุดสำหรับความสำเร็จ” — Joyce Brothers 

7. “โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าการคิดเชิงบวกจะสร้างมุมมองเชิงบวกต่อชีวิตที่สามารถนำมาซึ่งความสำเร็จและช่วยให้มีชีวิตที่ดี มั่งคั่งร่ำรวย มีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุข” — Bill McDowell

8. “พลังแห่งการคิดบวกไม่ได้อยู่ในหัวของพวกฮิปปี้และนักบำบัดเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ว่าการคิดบวกสามารถส่งผลดีต่อเราอย่างดีที่สุด” — Jennifer N. Smith

9. “จงพูดอะไรในเชิงบวก แล้วคุณจะเห็นสิ่งที่เป็นบวก” — Jim Thompson

10. “ยิ่งคุณหล่อเลี้ยงจิตใจด้วยความคิดเชิงบวก คุณก็จะยิ่งดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตได้มากเท่านั้น” — Roy T. Bennett

บทสรุป

การคิดบวกเป็นทักษะ ทักษะการมองหาส่วนที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดในสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม เพื่อให้ตัวเองได้ก้าวต่อไปได้

เมื่อการคิดบวกเป็นทักษะ แสดงว่าเราทุกคนล้วนสามารถฝึกฝน พัฒนามันได้ ✌️

การฝึกคิดบวก เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำจนกว่าจะกลายเป็นนิสัยใหม่

เมื่อเริ่มกลายเป็นนิสัย เราจะคิดบวกได้โดยธรรมชาติ แล้วสุขภาพกายและใจของเราจะดีขึ้นโดยธรรมชาติ ส่งเสริมให้เรามีพลังที่จะสร้างสรรค์ ออกไล่ตามความฝันจนประสบความสำเร็จในที่สุดได้

และที่สำคัญสิ่งที่เราจะได้เลยทันทีคือ เราจะรู้สึกมีความสุขในแต่ละวันง่ายยิ่งขึ้น 

ซึ่งทั้งหมดนี้ เริ่มต้นเพียงการกระทำเดียวคือ เปลี่ยนความคิด 

ใช่ครับ เปลี่ยนความคิด “แค่บิดมุมคิด ชีวิตก็เปลี่ยน”

ก่อนจะจบ ผมขออย่างหนึ่งได้ไหมครับ

ยิ้มให้ผมดูสักครั้งก่อนไปได้ไหมครับ? 😊

อ่านจบแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ช่วยบอกเราหน่อยครับ 🙏
20 responses
OMG
OMG
5
Love
Love
12
Like
Like
3
Sad
Sad
0
Dizzy
Dizzy
0
Sleepy
Sleepy
0