10 เหตุผลที่คนอ่านหนังสือมากมักจะประสบความสำเร็จมากกว่า

10 เหตุผลที่คนอ่านหนังสือมากมักจะประสบความสำเร็จมากกว่า

อยากสำเร็จในชีวิตไหมครับ?

ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ใครสนใจ อย่าลืมไปติดตามกันได้นะครับ : ) 🙏
blank
ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ถ้าเพื่อน ๆ กดติดตาม ผมจะรู้สึกดีมากครับ
blank

และรู้ไหมครับว่าคุณสมบัติหนึ่งที่คนที่ประสบความสำเร็จระดับสูงทุกสาขาอาชีพบนโลกใบนี้ที่มีเหมือนกันคืออะไร

คำตอบคือ “พวกเขาต่างเป็นนักอ่านและนักเรียนรู้ตัวฉกาจครับ”

เพราะพวกเขารู้ความลับที่ว่า “การอ่านหนังสือ” เป็นทางลัดที่สุดที่จะช่วยให้พวกเขาบรรลุชีวิตในฝันได้

ไม่ว่าความฝันของเราตอนนี้ จะเป็นอะไร ชีวิต การงาน การเงิน สุขภาพ ความรัก การงาน ความสุข ฯลฯ เราสามารถบรรลุความฝันเหล่านี้ได้เร็วกว่าปกติหลายเท่า

ถ้าเราใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “การอ่านหนังสือ”

(การอ่านหนังสือให้อะไรมากกว่าที่เราคิด เราจะพบคำตอบในบทความนี้ครับ)

ถ้าอีลอน มัสก์, บิล เกสต์, วอร์เรน บัฟเฟตต์, มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก หรือแม้แต่ลินคอล์น ถ้าพวกเขาไม่เป็นนักอ่านตัวยง พวกเขาอาจจะไม่ประสบความสำเร็จหรือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้มากขนาดนี้

ในบทความนี้ ผู้เขียนจะมาแบ่งปัน 10 เหตุผลทำไมการอ่านหนังสือช่วยเพิ่มโอกาสให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตครับ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพื่อน ๆ ได้นะครับ 🙌

(สำหรับใครอยากรู้ว่ามีใครบ้างที่ประสบความสำเร็จและเป็นนักอ่านตัวยง ผมได้รวบรวมข้อมูลไว้ที่นี่ครับ > 7 บุคคลผู้ประสบความสำเร็จที่มีนิสัยรักการอ่านหนังสือ)

เราไปเริ่มกันเลยนะครับ

10 เหตุผลที่คนอ่านหนังสือมากมักจะประสบความสำเร็จมากกว่า

1

มุมมองกว้างขวาง

มุมมองกว้างขวาง - อยากสำเร็จ เหตุผลที่คนอ่านหนังสือมากมักจะประสบความสำเร็จมากกว่า

คนที่ประสบความสำเร็จรู้ดีว่าวิธีการที่จะเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือ เรียนรู้จากคนอื่น ซึ่งการอ่านหนังสือช่วยพวกเขาได้

ยิ่งพวกเขาอ่านเยอะ พวกเขาก็ยิ่งมีมุมมองที่กว้างขวาง สามารถมองสิ่งต่าง ๆ นั้นได้หลากหลายแง่มุม ทำให้เขาสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างเฉียบคม

และสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เพราะเขาอ่านสะสมข้อมูลที่หลากหลายมาก่อน

เพราะอะไรทำไมการอ่านช่วยขยายมุมมองให้กว้างขวางได้ เพราะการอ่านก็เปรียบเหมือนเรากำลังเดินทางผ่านชีวิต ประสบการณ์ มุมมอง ความคิด สมองของคนที่เขียน ดังนั้น ยิ่งอ่านเยอะ ยิ่งทำให้เราเห็นแง่มุม ความคิดที่หลากหลายขึ้น

2

เห็นคุณค่าในเวลา

คนที่ประสบความสำเร็จรู้ว่าการอ่านหนังสือเพียงไม่กี่นาที อาจจะจุดประกายไอเดียบางที่สามารถนำไปใช้ให้ออกดอก ออกผลในชีวิตได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นคุณค่าของเวลาทุกวินาที

ถ้าพวกเขามีเวลาว่าง อาจจะเพียง 20 นาทีในระหว่างการเดินทาง พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยเวลาเหล่านี้ทิ้งไปเด็ดขาด พวกเขามองว่า 20 นี้สามารถใช้เวลาเพื่ออ่านได้ พวกเขาคว้าทุกโอกาส ใช้เวลาทุกวินาทีเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

(จากประสบการณ์ส่วนตัวผู้เขียน อยากแชร์ สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ถ้าเรามีนิสัยรักการอ่าน เราจะรู้สึกว่า เวลาทุกวินาทีมีค่ามาก จะไม่ยอมปล่อยให้เวลาสูญเปล่า อย่างน้อยขอให้ได้อ่าน ได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง)

3

เพิ่มการจดจ่อ

เพิ่มการจดจ่อ - อยากสำเร็จ เหตุผลที่คนอ่านหนังสือมากมักจะประสบความสำเร็จมากกว่า

เช่นเดียวกับการทำสมาธิ ที่ต้องใช้ความจดจ่ออยู่กับลมหายใจ

การอ่านก็ช่วยฝึกให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราอ่านเช่นกัน เพราะในขณะที่อ่าน เราต้องจดจ่อ ใส่ใจในแต่ละคำ แต่ละประโยค และโครงสร้างเนื้อหา ทำให้การอ่านเป็นการฝึกการจดจ่อไปในตัวโดยอัตโนมัติ

นี่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลว่า ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จระดับสูงที่รักการอ่าน สามารถจดจ่อ หมกมุ่นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานมากโขขนาดนั้น

และทักษะการจดจ่อเป็นหนึ่งในทักษะที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทุกความสำเร็จ

4

ทักษะการเขียนและพูด

คงไม่น่าแปลกใจที่นักพูด นักเขียนหรือใครก็ตามที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ล้วนเป็นนักอ่านตัวยง เพราะพวกเขาเหล่านี้เป็นไปตามกฎธรรมชาติคือ Output = Input สิ่งที่เราแสดงออก ย่อมมาจากสิ่งที่เราเสพ

ยิ่งเราเสพมาก เรายิ่งมีสิ่งที่สามารถแสดงออกได้มากขึ้น เช่น การอ่าน ถ้าเราอ่านมาก เราก็จะก้อนความคิด ไอเดีย คำพูด ประโยค ที่จะสื่อสารออกมากับผู้อื่นได้ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะผ่านการพูดหรือการเขียน

และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า การสื่อสารเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดต่อทุกความสำเร็จ

เพราะทุกความสำเร็จ เราต้องขายอะไรบางอย่างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการขายตัวเอง ขายไอเดีย ขายสินค้า ซึ่งทั้งหมดล้วนต้องใช้การสื่อสาร ดังนั้น ถ้าเราสื่อสารไม่ดี โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็ลดน้อยลงมาก

5

จดจำได้ดีขึ้น

จดจำได้ดีขึ้น - อยากสำเร็จ เหตุผลที่คนอ่านหนังสือมากมักจะประสบความสำเร็จมากกว่า

สมองก็เหมือนกล้ามเนื้อที่ได้ประโยชน์จากการออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายของสมองที่ง่ายที่สุดก็คือ การอ่าน

การอ่านจะท้าทายสมอง บังคับให้เราต้องจดจำและใช้จินตนาการ เราจะไม่เข้าใจเรื่องราวหรือตัวละครในหนังสือได้ ถ้าเราไม่จดจ่อและจำรายละเอียด การทำเช่นนี้ทำให้สมองได้ฝึกการจดจำไปในตัว

และแท้จริงแล้วสมองของเรามีพลังมากกว่าที่เราคิด เราใช้สมองเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เอง การอ่านจะเป็นตัวช่วยดึงศักยภาพที่แท้จริงของสมองเราออกมา

เพราะยิ่งอ่านและเรียนรู้มากเท่าไหร่ สมองก็จะยิ่งง่ายต่อการเก็บข้อมูล และเชื่อมโยงกับข้อมูลเก่า ๆ ที่คล้าย ๆ กัน ทำให้จดจำสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เราจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

นี่เป็นเหตุผลที่บุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับสูงของโลก ถึงแม้อายุมากแล้ว พวกเขายังมีความจำที่ดี พูดจา ใช้ถ้อยคำได้อย่างแหลมคม และยังคงรักที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ทุกวัน เพราะพวกเขาออกกำลังกายสมองด้วยการอ่านอยู่เสมอ

6

เพิ่มความคิดสร้างสรรค์

การอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นนิยาย เรื่องเล่า หรือบทกวีเป็นอาหารชั้นยอด สำหรับความสามารถในการจินตนาการ

เช่น นิยายสามารถนำเราไปสู่โลกที่แตกต่าง โลกที่ซึ่งอยู่นอกเหนือเหตุและผล ทำให้เรามองเห็นชีวิตจากมุมมองที่ไม่เคยเจอในชีวิตจริงมาก่อน และนั่นคือหัวใจของความคิดสร้างสรรค์

ที่สำคัญ ยิ่งเราอ่านมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งมีวัตถุดิบข้อมูลในหัวเยอะมากขึ้นเท่านั้น และมันทำให้เราสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่อ่านจากหลาย ๆ ที่ กลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ ดั่งเช่น นักประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้แก่โลกนี้ได้ทำกัน

และด้วยผลของความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เราสามารถสร้างความแตกต่าง ความแปลกใหม่ ซึ่งในที่สุดมันจะนำเราไปสู่ความสำเร็จ

7

ตั้งเป้าหมาย

ตั้งเป้าหมาย - อยากสำเร็จ เหตุผลที่คนอ่านหนังสือมากมักจะประสบความสำเร็จมากกว่า

การจะมีกิจวัตรการอ่านหนังสือได้นั้น เราจะถูกบังคับให้ตั้งเป้าหมายไปโดยอัตโนมัติ เช่น จำนวนหนังสือที่ต้องอ่านภายในปีนี้ เดือนนี้ หรืออาทิตย์นี้ เพราะถ้าไม่มีการตั้งเป้าหมาย ก็ยากที่จะเป็นทำให้การอ่านอยู่ในกิจวัตรประจำวันของเราได้

และที่สำคัญพอเราอ่านไปเยอะ ๆ เจอข้อมูลไปเยอะ ๆ มันจะกระตุกชวนให้เราคิดตั้งคำถามและเป้าหมายในชีวิตโดยอัตโนมัติอีกด้วย

ถ้าเราไปดูคนที่เป็นนักอ่านตัวยงที่ประสบความสำเร็จระดับสูง พวกเขาล้วนมีการตั้งเป้าหมายในการอ่านทั้งสิ้น เช่น บิล เกตส์ที่ตั้งไว้ว่าต้องอ่านหนังสือ 50 เล่มต่อปี (ดูรายชื่อหนังสือของเขาได้ที่นี่ Gates Notes หรืออย่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ตั้งเป้าจะอ่านหนังสือ 1 เล่มทุกสัปดาห์

การอ่านจะทำให้เราฝึกตั้งเป้าหมายในชีวิตตามไปด้วย และคนที่ประสบความสำเร็จทุกคนล้วนมีการตั้งเป้าหมายในทุกช่วงเวลาของชีวิต และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น

8

มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

ทุกคนต่างรู้ดีว่า ความสัมพันธ์เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญอย่างมากต่อทั้งความสำเร็จและความสุข ถ้าเราไม่สามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คน รับประกันได้ว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและมีความสุขของเราจะเหลือน้อยมาก

คนที่ประสบความรู้สิ่งเหล่านี้ดี และพวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการมีความสัมพันธ์กับผู้คน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักอ่านตัวยง สิ่งที่พวกเขาจะมีเป็นพิเศษคือ ความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์

เพราะหนังสือทุกเล่มที่เราอ่าน เรากำลังเข้าไปอยู่ในโลกของผู้เขียน มีเรื่องเล่า มีตัวละคร มีชีวประวัติ ที่จะทำให้เราเชื่อมโยงกับเรื่องราวเล่านั้น และจะพบว่าเราทุกคนต่างมีปัญหา มีเรื่องราว มีอุปสรรค มีความผิดหวัง มีความทุกข์ มีความสุข มีความรัก มีความต้องการเหมือน ๆ กัน

ดังนั้นยิ่งอ่านมาก ยิ่งเข้าใจผู้อื่นมากยิ่งขึ้น ยิ่งเข้าใจผู้อื่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งปฏิบัติต่อผู้อื่นดีมากขึ้นเท่านั้น และนี่คือความใจของความสัมพันธ์ที่ดี

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ อาจารย์ชัชชาติ (ผู้ว่าคนล่าสุดของกรุงเทพ) อาจารย์จะมีความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจเพื่อนมนุษย์สูงมาก (เรียกได้ว่ามี empathy สูงมาก) ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะอาจารย์อ่านหนังสือเยอะ

9

ผ่อนคลาย

ผ่อนคลาย - อยากสำเร็จ เหตุผลที่คนอ่านหนังสือมากมักจะประสบความสำเร็จมากกว่า

การศึกษาพบว่า การอ่านหนังสือช่วยลดความเครียดได้ ไม่ต่างอะไรกับกิจกรรมอื่น เช่น การฟังเพลง การเดินเล่น หรือการดื่มชา

ชีวิตเราทุกคนในแต่ละวัน ทั้งวันมีเรื่องให้วุ่นวาย ให้เครียดมากมายเต็มไปหมด คนที่ประสบความสำเร็จก็เป็นเช่นกัน

ดังนั้นพวกเขาต้องมีเวลาที่จะต้องหยุดพัก ตัดขาดจากโลกภายนอกบ้าง ซึ่งกิจกรรมการอ่านเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ทั้งรู้สึกผ่อนคลาย และได้ออกกำลังกายสมอง

อย่างเช่น อีลอน มัสก์ที่ทุกคืนก่อนนอนหลังส่งลูก ๆ เข้านอนแล้ว เขาจะใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เพื่ออ่านหนังสือโดยเฉพาะ

10

เรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง

หลายคนเมื่อเรียนจบจากการศึกษาในระบบแล้ว ก็คิดว่าเราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ แล้ว ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์

เพราะการเรียนในระบบให้ความรู้เรา อาจไม่ถึง 5% ของความรู้ทั้งหมดในชีวิตที่เราควรจะมีด้วยซ้ำ ยังมีอีกหลายสิ่งที่ระบบการศึกษาไม่ได้สอนเรา

แต่สำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคน พวกเขาล้วนเป็นนักเรียนรู้ อุทิศตัวเองให้กลายเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต แม้จะอายุมากแค่ไหน พวกเขาก็ยังคงเรียนรู้อยู่ เช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนอันดับ 1 ของโลก แม้ปู่เขาจะอายุ 91 ปีแล้ว ก็ยังเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ทุก ๆ วัน

เพราะคนที่ประสบความสำเร็จรู้ดีว่าโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเขาหยุดเรียนรู้ พวกเขาจะตามโลกไม่ทัน จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นั่นหมายความว่า พวกเขาจะพลาดโอกาสแห่งความสำเร็จไป (แต่นี่ไม่ใช่เพียงเหตุผลเดียว การเรียนรู้ยังทำให้พวกเขารู้สึกเติมเต็มและมีความสุขด้วย)

การจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องก้าวไปให้เร็วกว่าโลก ซึ่งการอ่านหนังสือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยพวกเขาได้

บทสรุป

ไม่ว่าเราจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน อายุเท่าไหร่ จังหวะชีวิตตอนนี้เป็นอย่างไร การอ่านหนังสือเป็นหนึ่งในทางเลือกของการลงทุนในตัวเองที่คุ้มค่าที่สุด

และทุกคนสามารถทำได้ตั้งแต่ตอนนี้

นี่จะเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่จะนำพาไปสู่ก้าวแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

หยิบหนังสือขึ้นมาสักเล่ม แล้วลุยเลยครับ

แล้วพบกันที่ปลายทางของความสำเร็จครับ! 💪

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

เนื้อหา ไอเดียบางอย่าง ผมได้จากแหล่งข้อมูลเหล่านี้นะครับ 🙌

  • https://www.lifehack.org/articles/communication/10-reasons-people-read-lot-likely-successful.html
  • https://menprovement.com/people-who-read/
  • https://www.lifehack.org/276361/10-reasons-why-people-who-read-lot-are-more-likely-good-leaders?ref=tp&n=1
  • https://investfourmore.com/why-reading-books-makes-you-more-successful/
  • https://www.propelher.co.uk/why-rich-successful-people-read-every-day/

อ่านจบแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ช่วยบอกเราหน่อยครับ 🙏
22 responses
OMG
OMG
6
Love
Love
13
Like
Like
3
Sad
Sad
0
Dizzy
Dizzy
0
Sleepy
Sleepy
0