สรุปหนังสือ กล้าฝัน กล้าทำ (Dare To Dream Then Do It) John C. Maxwell

📚 สรุปหนังสือ กล้าฝัน กล้าทำ (Dare to Dream then Do it)

👋 สิ่งที่ได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้

“ความกลัว” เป็นเพียงแค่ “ความคิดหนึ่ง” ที่คอยบอกเราว่า “อย่าออกไปเลย อยู่แบบนี้ก็สบายอยู่แล้ว” มันกั้นเราให้ไม่ออกไปผจญในโลกที่เราไม่คุ้นเคย แต่โลกที่ไม่คุ้นเคยนี่แหละ มันคือ ดินแดนแห่งความฝันของเรา มันคือ สิ่งที่ทำให้เราเติบโต ถ้าเราไม่เริ่มกล้าออกเดินทาง เราก็จะไม่มีทางที่จะไปถึงฝั่งฝัน เพียงแค่ กล้าฝัน และเดินเครื่องลงมือทำ คว้าความฝันนั้น แล้วความฝัน จะกลายเป็นของเรา

ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ใครสนใจ อย่าลืมไปติดตามกันได้นะครับ : ) 🙏
blank
ตอนนี้เรามีช่อง YouTube แล้ว! Podcast สำหรับคนรักหนังสือและการพัฒนาตัวเอง ถ้าเพื่อน ๆ กดติดตาม ผมจะรู้สึกดีมากครับ
blank

😎 1 ประโยคที่ชอบที่สุดของหนังสือเล่มนี้

“กล้าฝัน…กล้าทำ”

สรุปหนังสือ กล้าฝัน กล้าทำ (Dare to Dream then Do it) เขียนโดย John C. Maxwell

  • เราต่างมีความฝันที่แตกต่างกัน แต่ในความแตกต่าง กลับมีเพียงวิธิเดียวที่ทำให้มันเป็นจริงได้ คือ การมีกำลังใจอันเปี่ยมไปด้วยความรัก ที่ผลักดันให้พากเพียรพยายาม เฝ้าทะลุถนอมเอาใจใส่ และรู้จักแก้ไขข้อผิดพลาดโดยไม่เลิกกลางคัน
  • คำว่า “ฝัน” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายไว้ว่า “การเห็นเป็นเรื่องราวเมื่อหลับ หรือการนึกเห็นในขณะที่ตื่นอยู่ ซึ่งไม่อาจจะเป็นจริงได้”
  • มีเพียงสองสิ่งที่เราต้องเร่งจัดการ นั่นคือ เริ่มฝัน จากนั้นก็ลงมือทำ

เปิดเผยฝันที่แท้จริง

  • ความฝันเป็นเรื่องอุดมคติ ที่คาบเกี่ยวระหว่างการสำเหนียกรู้ความเป็นไปได้มากกว่าความน่าจะเป็น และเล็งเห็นศักยภาพมากกว่าเงื่อนไขข้อจำกัด
  • หาให้พบว่าเราต้องการอะไรกันแน่ แล้วทุ่มเทไขว่คว้าให้สุดกำลัง ประหนึ่งชีวิตเราแขวนอยู่กับมัน
  • ความแตกต่างระหว่างการ “กล้าที่จะฝันอย่างสร้างสรรค์” กับ “การฝันกลางวันลม ๆ แล้ง ๆ” คือ การที่ฝันนั้นผลักดันให้เราลงมือทำเสริมศรัทธาให้ตนเอง
  • จงคิดบวกอยู่ตลอดเวลา พร้อมหมั่นระลึกถึงความสำเร็จ ไม่ใช่ความล้มเหลว
  • คนมองโลกในแง่ลบส่วนใหญ่ไม่ใช่นักฝันที่มีประสิทธิภาพ

คิดให้แตกต่าง

  • ตัดความล้มเหลวออกจากสมการ
  • ผู้สานฝันให้เป็นจริงส่วนใหญ่ไม่เคยใส่คำว่า “ไม่” ไว้ในพจนานุกรมของตน
  • ผู้ประสบความสำเร็จจะเห็นความล้มเหลวเป็นปรากฏการณ์ชั่วครั้งชั่วคราว
  • ผู้ประสบความสำเร็จจะมองความสำเร็จเป็นแค่กระบวนการหนึ่ง
  • บุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จมักเข้าใจว่า มีคำตอบสำเร็จรูปเพียงหนึ่งเดียวในทุกปัญหา ขณะที่คนประสบความสำเร็จจะศึกษาทุกช่องทางให้ทะลุปรุโปร่ง เพราะเชื่อว่าจะมีคำตอบอยู่แห่งใด แห่งหนึ่งเสมอ
  • ผู้ประสบความสำเร็จ จะคอยพลิกแพลงแนวทางแก้ปัญหาเสมอ
  • คุณสมบัติข้อหนึ่งที่ผู้ประสบความสำเร็จล้วนมีเหมือนกันคือ ความสามารถในการตั้งตัวเมื่อพลั้งเผลอ กระทำผิดพลาดหรือล้มเหลวจากสิ่งที่ทำลงไป
  • เพื่อไล่ล่าฝัน จงอย่าปล่อยให้ความล้มเหลวเหนี่ยวรั้งเราไว้ จงอดทนเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

หากเราต้องการคิดอย่างแตกต่างเพื่อบรรลุเป้าหมายหรือความฝันของตนแล้ว เราควรใส่ใจดังต่อไปนี้

  • ให้เวลาตนเองได้ครุ่นคิดพิจารณาอย่างสุขุมรอบคอบ
  • หาสถานที่ที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพราะสถานที่แต่ละแห่งล้วนมีอิทธิพลต่อความคิดสร้างสรรค์ของเราต่างกันออกไป
  • บังคับตัวเองให้รู้จักคิดบ่อย ๆ หัดสร้างวินัยแก่ตนเองด้วยการฝึกคิดพิจารณาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกำหนดเป้าหมายสำหรับการคิดจนเป็นกิจวัตรประจำวัน
  • มองปัญหาเสมือนโอกาส ให้รีบตะครุบ
  • ท้าพิสูจน์ข้อสมมุติฐานที่ตั้งไว้ อย่าด่วนรับสมมุติฐานที่เขาชักจูงให้เจริญรอยตาม ด้วยเหตุว่าเขาถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานแล้ว
  • ตรวจสอบทุกความเป็นไปได้ ศึกษาทุกช่องทางให้ทะลุปรุโปร่ง ก่อนที่จะสรุป
  • แสวงหานักคิดที่เก่งกาจมาช่วยเหลือ เพราะไม่มีใครบรรลุความฝันอันเลิศหรูเพียงคนเดียว

คนที่ประสบความสำเร็จเขาคิดอย่างไรบ้าง?

  • พวกเขาคิดถึงภาพรวมมากกว่าเรื่องของตน
  • พวกเขาขจัดความสับสนว้าวุ่นและสิ่งรบกวนจิตใจออก เพื่อรักษาสมาธิตั้งมั่น
  • พวกเขาทลายเงื่อนไขข้อจำกัดที่ปิดกั้นตน แล้วตรวจสอบทางเลือกอื่น ๆ อย่างสร้างสรรค์
  • พวกเขาสร้างระบบความคิดจการมองสิ่งต่าง ๆ ตามสภาพความเป็นจริง
  • พวกเขาวางแผนการ ที่จะช่วยดำเนินการอย่างมีกลยุทธ์
  • พวกเขาขวนขวายหาคำตอบต่อทุกสภาพการณ์ โดยอาศัยทรรศนะเชิงบวกเป็นที่ตั้ง
  • พวกเขาทบทวนอดีตและรับรู้มุมมองใหม่ ๆ อย่างเปิดใจ
  • พวกเขาไม่ยอมรับมันเพียงเพราะใคร ๆ เขานิยมทำกัน
  • พวกเขายินดีร่วมมือกับผู้อื่น
  • พวกเขาครุ่นคิดถึงประโยชน์สุขของผู้อื่น
  • พวกเขามุ่งเน้นผลลัพธ์สุดท้าย (ภาพเป้าหมายในใจ)

ลงมือทำ

  • เป้าหมายจะเป็นสิ่งไร้ค่า เมื่อปราศจากการกระทำ
  • เมื่อแก่ไป เราจะไม่ถูกถามว่า เคยอ่านสิ่งใด แต่จะถูกถามว่า เคยทำสิ่งใดมาบ้าง

แนวคิดสำหรับการลงมือทำ

  • เราไม่จำเป็นต้องรอให้เก่งถึงจะลงมือทำ แต่เราต้องเริ่มทำก่อนถึงจะเก่งได้
  • พยัญชนะสองตัวแรกในคำว่า Goal (เป้าหมาย) คือ G-O (ซึ่งแปลว่า ไปหรือลุย)
  • คนบางคนมัวเพ้อฝันถึงความสำเร็จอันงดงาม ในขณะที่คนอื่นลืมตาตื่นและลงมือทำ
  • เราจะไม่มีวันกลายเป็นสิ่งที่เราควรเป็น จนกว่าเราจะเริ่มทำในสิ่งที่ควรทำ
  • ใครก็ตามที่ชอบโอ้อวดสิ่งที่เขาคิดจะทำพรุ่งนี้ บางทีเขาอาจโม้เรื่องเดียวกันมาตั้งแต่วันวาน

ทักษะเรื่องคน

  • ไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแล้วหันมาให้ความสำคัญแก่คนอื่นมากกว่าตนเอง
  • ความเชื่อใจ ก็เปรียบเสมือน เงินในบัญชีธนาคาร ที่เราต้องสะสมอดออม เพื่อรอวันผลิดอกออกผล

เรื่องของคนเรา

  1. ทุกคนล้วนมีบุคคลที่อยากจะเป็น
  2. ไม่มีใครสนใจว่าเรารู้มากแค่ไหน จนกว่าพวกเขาจะรู้ว่าเราใส่ใจมากแค่ไหน
  3. คนทุกคนต้องการใครบางคนเสมอ
  4. ใครก็ตามที่ช่วยเหลือใครสักคน ย่อมทรงอิทธิพลต่อใครอีกหลายคน
  5. ใครบางคนในวันนี้ จะเติบโตเป็นใครบางคนในวันหน้า

ออกจาก Comfort Zone

  • การเกาะกระแสฝูงชนนั้นเป็นวิถีสู่ความสำเร็จระดับดาษ ๆ
  • เมื่อเราอยู่ในโซนผ่อนคลาย (Comfort Zone) ขณะนั้น ความสำเร็จต่าง ๆ ก็จะหยุดชะงักด้วย ความฝันอันยิ่งใหญ่จะยังคงอยู่ห่างไกลแสนไกล ถ้าเราอยู่มัวพื้นที่โซนผ่อนคลาย
  • โศกนาฏกรรมอันแท้จริงของชีวิต หาใช่การมีพรสวรรค์อันจำกัด แต่คือความล้มเหลวในการนำพรสวรรค์นั้นออกมาใช้
  • ความฝันอันยิ่งใหญ่จะทอดรออยู่ไกลออกไป ในเขตแดนที่ไร้ความสุขสงบเสมอ

คำถามที่ควรถามตัวเองก่อนตัดสินใจออกจาก Comfort Zone

  1. มีใครทำแบบนี้บ้างไหม?
  2. สิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น คืออะไร?
  3. สิ่งคุ้มที่สุดที่จะเกิดขึ้น คืออะไร?
  4. ลองชิมลาง ดูก่อนได้ไหม?
  5. มีโอกาสสำหรับความผิดพลาดมากพอไหม?
  6. อดีตของคุณย้ำเตือนว่า ควรลุย แล้วใช่ไหม?
  7. มีแรงส่งพอจะทำสำเร็จแค่ไหน?
  8. ฉันศรัทธาในตนเองพอหรือยัง?
  9. ฉันศรัทธาในทีมงานของฉันพอหรือยัง?
  10. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่งสัญญาณชี้นำอะไรบ้าง?

มีคนอยู่ 3 จำพวกในโลกนี้

  1. “คนฉลาดหลักแหลม” คือ คนที่เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากประสบการณ์ของตนเอง
  2. “คนที่เปี่ยมสุข” คือ คนที่เรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่น
  3. “คนโง่เขลาเบาปัญญา” คือ คนที่ไม่คิดร่ำเรียนทั้งประสบการณ์ของตนและผู้อื่น

เกมการเรียนรู้

  1. ฉกฉวยทุก ๆ โอกาสเพื่อแลกกับความรู้
  2. ยอมรับข้อโต้แย้งหรือการคัดค้านโดยดุษณี
  3. ระดมสมองเพื่อหาทางออก เพราะมันใช้ได้ผลเสมอ
  4. มองภาพรวมให้รู้แจ้งแทงตลอด

อย่ายอมแพ้

  • มีนักวิชาการเคยกล่าวว่า เมื่อลองเทียบสัดส่วนความสำเร็จจากหนึ่งร้อย 90% จะอยู่ที่พรแสวง ส่วนอีก 10% เป็นเรื่องของพรสวรรค์แต่กำเนิด
  • ความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่จุดเริ่มต้น มันอยู่ที่ว่าเราจบตรงไหน
  • บุคคลผู้อุดมด้วยพรสวรรค์ ในโลกนี้ ไม่ได้กระดิกนิ้วเรียกความสำเร็จเข้ามาง่าย ๆ แต่พวกเขาต้องทุ่มเทพลังกาย พลังใจเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่

อ่านจบแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ช่วยบอกเราหน่อยครับ 🙏
36 responses
OMG
OMG
2
Love
Love
22
Like
Like
12
Sad
Sad
0
Dizzy
Dizzy
0
Sleepy
Sleepy
0